แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดมาตรา 138 นั้น ถเาในฟ้องของโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นของให้ชื่อหรือเครื่องหมายในทางทุจจริตแล้ว ก็ไม่ครบองค์ความผิดฟ้องที่ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายด้ายเย็บจักร์ใช้ชื่อบนกล่องและที่หลอดด้ายว่า “ด้ายสำหรับปักลูกไม้ซิงเกอร์” โจทก์ให้ทนายมีจดหมายถึงจำเลย ๆ มีหนังสือตอบมาตามจดหมายนี้ จำเลยมิได้ปฏิเสธว่ามิได้ทำการขายด้ายซิงเกอร์ซึ่งบริษัทโจทก์มิได้ทำขึ้น แต่ปรากฏว่า ทำโดยห้างญี่ปุ่นซึ่งหามีสิทธิใช้คำว่า ซิงเกอร์ ซึ่งโจทก์ได้จดทะเบียนการค้าไว้ไม่ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๓๕-๒๓๘-๒๓๙.
จำเลยให้การปฏิเสธและว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม.
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ทางพิจารณาฟังได้ว่า คำว่าซิงเกอร์ไม่ใช่ชื่อห้างดจทก์ข้อหาตามมาตรา ๒๓๕-๒๓๘ จึงตกไปส่วนมาตรา ๒๓๙ เป็นเรื่องเรียกของมาทำลาย จึงพิพากษายกฟ้อง.
โจทก์อุทธรณื ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยจะมีผิดตามมาตรา ๒๓๘ ต่อเมื่อจำเลยรู้อยู่ว่าสินค้านั้นใช้ชื่อหรือเครื่องหมายโดยทางทุจจริต แต่ในฟ้องของโจทก์ไม่มีข้อความดังกล่าวนี้ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น.
แต่ผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า เมื่ออ่านฟ้องกับจดหมายท้ายฟ้องประกอบกันแล้ว ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า จำเลยขายด้ายโดยรู้ว่าเป็นของใช้ชื่อเครื่องหมายโดยทางทุจจริต ฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำวินิจฉัยของศาลอุธรณ์และกล่าวว่า เมื่อฟ้องของดจทก์ขาดสาระสำคัญดังกล่าวแล้วก็ไม่ครบองค์ฟ้องตามวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕) จึงพิพากษายืน.