คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีเรื่องรับของโจรแม้ศาลจะวินิจฉัยในประเด็นว่าจำเลยในประเด็นว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายหรือหรือไม่ก็ดี ถ้าพะยานโจทก์เบิกความเท็จเพื่อแสดงว่าของนั้นไม่ได้ถูกลัก ก็นับว่าเป็นข้อสำคัญในคดี ย่อมมีผิดฐานเบิกความเท็จ

ย่อยาว

จำเลยได้สาบานตนแล้วเบิกความซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ ว่านายโหยบได้เล่าให้จำเลยฟังว่ารถเป็นของนายโหยบให้นายแลหมันนำไปขาย นายแลหมันขายแล้วไม่เอาเงินให้นายโหยบ ซึ่งความจริงนายโหยบไปหาจำเลยและบอกว่านายโหยบตามรถจักรยานสองล้อของน้องชายนายโหยบซึ่งถูกคนร้ายลักไป และนายโหยบถามจำเลยว่าเห็นนายแลหมันนำรถจักรยานสองล้อมาบอกขาย แต่จำเลยไม่ซื้อ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ประเด็นสำคัญในคดีก่อนมีว่านายแลหมันรู้หรือไม่ว่า รถที่เขารับไว้เป็นของร้าย คำเบิกของจำเลยหาใช่ข้อสำคัญในคดีไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุ-ทธรณ์เห็นว่าที่จำเลยเบิกความเท็จอาจเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อว่าเป็นรถของนายโหยบให้นายและหมันมาช่วยขาย จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๕๖.
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห้นว่าการที่นายแลหมันจะผิดฐานรับของโจรจักต้องได้ความว่ารถจักรยานรายนี้ได้ถูกลักไปและนายแลหมันได้รับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย ข้อความที่จำเลยเบอกความเท็จนั้นย่อมเป็นการแสดงว่ารถนั้นเป็นของนายโหยบ ๆ ให้นายแลหมันไปขายซึ่งเป็นข้อสำคัญในคดี เพราะถ้าศาลเชื่อว่าเป็นรถของนายโหยบให้นายแลหมันไปขายนายแลหมันก็ย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร คำเท็จของจำเลย จึงเป็นข้อสำคัญในคดี จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.

Share