คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทของโจทก์จำเลยตามที่แถลงต่อศาลไม่จำเป็นจะต้องให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานมาสืบในประเด็นข้อใดอีกแล้ว ศาลก็มีอำนาจสั่งงดการนำพยานมาสืบ และชี้ขาดตัดสินไปได้
โจทก์เป็นบุคคลผู้เป็นพ่อค้า(ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง) ต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าน้ำมันที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ภายในกำหนดอายุความ 2 ปี เว้นแต่จะมีเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อโจทก์ว่าผู้ที่ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย และไม่ยืนยันว่าผู้ชำระหนี้เป็นตัวแทนของจำเลย อันจะพอถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ ก็ไม่มีเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยซื้อเชื่อไปจากโจทก์
จำเลยสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมจำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ คดีโจทก์ขาดอายุความ
วันสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยส่งต้นฉบับเอกสารแล้วแถลงรับกันตามเอกสารศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การปฏิบัติหรือการกระทำของโจทก์จำเลยทำให้ศาลเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทของโจทก์จำเลยตามที่แถลงต่อศาล ไม่จำเป็นจะต้องให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานมาสืบในประเด็นข้อใดอีกแล้ว ศาลก็มีอำนาจสั่งงดการนำพยานมาสืบและชี้ขาดตัดสินไปได้
ปัญหาที่ว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยนั้นเป็นการถูกต้องหรือไม่ และคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์เป็นบุคคลผู้เป็นพ่อค้า(ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๕(๑) จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าน้ำมันที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ภายในกำหนดอายุความ ๒ ปี เว้นแต่จะมีเหตุที่จะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงแต่เมื่อโจทก์ว่าผู้ที่ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย และไม่ได้ยืนยันว่าคนที่นำเงินไปชำระเป็นตัวแทนของจำเลยอันจะพอถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ ก็ไม่มีเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้อง
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share