คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำบันทึกว่าถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปราชการต่างจังหวัด ซึ่งไม่เป็นความจริง และขอยืนเงินทดรองราชการ ได้เขียนเตรียมไว้ให้ผู้บังคับบัญชาเซ็น และมีลายเซ็นปลอมของผู้บังคับบัญชาจนจำเลยสามารถเบิกเงินของกรมตำรวจไปได้ เป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและโดยทุจริต ไม่ใช่เป็นการกู้ยืนเงินตามธรรมดา
การที่จำเลยอ้างว่าผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปราชการต่างจังหวัด และทำหนังสือขอยืมเงินทดรองราชการ ได้ทำบันทึกเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งอนุมัติ ผู้บังคับบัญชาลำดับสูงและเจ้าหน้าที่การเงินก็ได้สั่งอนุมัติ และจ่ายเงินทดรองราชการให้ตามที่จำเลยเสนอมา เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารราชการ เมื่อจำเลยทำบันทึกเสนอให้ยืมเงินทดรองราชการ ข้อความที่เขียนไว้ให้ผู้บังคับบัญชาเซ็น และมีลายเซ็นของผู้บังคับบัญชาจึงเป็นเอกสารราชการปลอม เมื่อจำเลยนำไปใช้โดยรู้ว่าเป็นเอกสารปลอม ย่อมมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑-๒ เป็นตำรวจสันติบาล จำเลยที่ ๑ มีหน้าที่เป็นเสมียนประมวลข่าวชายแดน จำเลยที่ ๒ มีหน้าที่สืบสวนพฤติการณ์ของบุคคลทางการเมือง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำบันทึกแสดงข้อความเท็จหลอกลวงผู้บังคับบัญชาให้จำเลยที่ ๑ ไปสืบสวนพฤติการณ์บุคคลทางการเมืองในเขตท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยมีความจำเป็นยืมเงินทดรองราชการเพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงค่าที่พักโรงแรม และค่าพาหนะมีกำหนด ๓๐ วัน รวม ๒,๓๘๐ บาท ซึ่งความจริงจำเลยมิได้รับคำสั่ง บันทึกดังกล่าว จำเลยที่ ๑ ได้บันทึกลงในเอกสารราชการที่มีลายเซ็นของพันตำรวจโทสุพร ณ ระนอง ผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ ๑ ในขณะที่เป็นผู้ทำการแทนผู้กำกับการสันติบาล ๑ ปลอม โดยได้เขียนข้อความสวมลายเซ็น สุพร ณ ระนอง ปลอมลงไปว่า เสนอ รอง ผงก.ส. เพื่อโปรดนำเสนอ กง.ตร. ให้ยืมเงินทดรองไปราชการได้ จำเลยที่ ๒ ได้เขียนข้อความลงในเอกสารราชการซึ่งมีลายเซ็นปลอมดังกล่าวต่อไปว่าเสนอ ผบช.ก โปรดนำเสนอ กง. ตร. ให้ยืมเงินทดรองไปราชการได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งเสนอจนถึงหัวหน้ากองการเงินกรมตำรวจเพื่ออนุมัติจ่ายเงิน จำเลยร่วมกันเสนอเอกสารต่อพันตำรวจเอกชุมพล โลหะชาละ พันตำรวจเอก ขุมพล โลหะชาละ หลงเชื่อจึงเซ็นลงนามแล้ว เสนอไปจนถึงพันตำรวจเอกประวิทย์ ไชยลาโภ รองหัวหน้ากองการเงินกรมตำรวจ พันตำรวจเอกประวิทย์หลงเชื่อ จึงได้จ่ายเงินทดรอง ๒,๓๘๐ บาท ให้แก่สิบตำรวจเอกสนุ่น คุ้มทรัพย์ รับมอบส่งให้แก่จำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗,๒๖๘,๓๔๑,๘๓
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๘ ประกอบกับมาตรา ๒๖๕ และ ๓๔๑ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี จำเลยรับสารภาพ ลดให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ เดือน
จำเลยที่ ๒อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ๒ ข้อ คือ
(๑) การยืมเงินทดรองราชการรายนี้ เป็นการกู้ยืมเงินกันตามธรรมดาโดยทั่วไประหว่างจำเลยที่ ๑ กับเจ้าหน้าที่กองการเงินกรมตำรวจ ไม่มีใครเสียหาย จำเลยที่ ๒ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑ ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า การที่จำเลยที่ ๑ จะได้รับเงินจากกรมตำรวจ ได้มีการทำบันทึก จำเลยที่ ๑ เซ็นชื่อเป็นข้อความว่า จำเลยที่ ๑ ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปราชการต่างจังหวัด จึงขอยืมเงินทดรอง ในบันทึกนี้มีข้อความซึ่งจำเลยที่ ๑ เขียนว่า เสนอรอง ผบก.ส. เพื่อนำเสนอ กง.ตร. ให้ยืมเงินทดรองไปราชการได้ ข้อความนี้เขียนเตรียมไว้ให้พันตำรวจโทสุพรเซ็นและปรากฏว่ามีลายเซ็นปลอมของพันตำรวจโทสุพรอยู่ในช่องดังกล่าว พฤติการณ์ที่จำเลยได้ทำมาโดยตลอดจนสามารถเบิกเอาเงินของกรมตำรวจไปได้นั้น เป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและโดยทุจริต การกระทำดังกล่าวจึงไม่ใช่การกู้ยืมกันตามธรรมดาทั่วๆ ไป แต่เป็นการหลอกลวงว่าจำเลยที่ ๑ ได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชาให้ไปราชการต่างจังหวัด อันเป็นเหตุให้มีสิทธิขอยืมเงินทดรองราชการได้ซึ่งไม่ใช่ความจริง และได้บันทึกลงในเอกสารหมาย จ.๑ ที่มีลายเซ็นของพันตำรวจโทสุพร ณ ระนอง ปลอมว่า เสนอ รอง ผบก.ส. เพื่อนำเสนอ กง.ตร. ให้ยืมเงินทดรองไปราชการได้ พันตำรวจเอกชุมพลหลงเชื่อจึงได้ลงนาม แล้วเสนอตามระเบียบจนถึงพันตำรวจเอกประวิทย์ พันตำรวจเอกประวิทย์ หลงเชื่อจึงได้จ่ายเงินทดรองดังกล่าวให้ไป การกระทำดังกล่าวย่อมเสียหายแก่พันตำรวจโทสุพร พันตำรวจเอกชุมพล พันตำรวจเอกประวิทย์ และกรมตำรวจ ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑
(๒) จำเลยฎีกาว่า เอกสารของกลางไม่ใช่เอกสารทีจำเลยได้ทำขึ้นในหน้าที่ จึงไม่ใช่เอกสารราชการ
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ เป็น ตำรวจสันติบาล ผู้บังคับบัญชาอาจสั่งให้ไปราชการต่างจังหวัดได้ ถ้าเป็นความจริง จำเลยที่ ๑ ก็มีสิทธิขอยืมเงินทดรองราชการได้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ ๑ อ้างเท็จว่าผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปราชการต่างจังหวัด และทำหนังสือขอยืมเงินทดรองราชการ และได้บันทึกเสนอให้ยืมเงินทดรอง ข้อความนี้เขียนเตรียมไว้ให้ และปรากฏว่ามีลายเซ็นปลอมของพันตำรวจโทสุพรอยู่ในช่องดังกล่าว และยังได้นำเสนอต่อพันตำรวจเอกชุมพล ในตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาลและพันตำรวจเอกประวิทย์รองหัวหน้ากองการเงินกรมตำรวจ เพื่อสั่งอนุมัติ ผู้บังคับบัญชาลำดับสูงและเจ้าหน้าที่การเงินก็สั่งอนุมัติ และจ่ายเงินทดรองราชการให้ตามที่จำเลยเสนอ เอกสารดั่งกล่าวเป็นเอกสารในราชการกรมตำรวจซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่ราชการ จึงเป็นเอกสารราชการตามความหมาย ของประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑(๘) เมื่อจำเลยที่ ๑ ได้ทำบันทึกว่าเสนอ รองผบก.ส. เพื่อนำเสนอ กง.ตร. ให้ยืมเงินทดรอง ข้อความนี้เขียนเตรียมไว้ให้พันตำรวจโทสุพรเซ็นและมีลายเซ็นปลอมของพันตำรวจโทสุพร เอกสารเฉพาะข้อความตอนนี้จึงเป็นเอกสารราชการปลอม เมื่อจำเลยนำไปใช้โดยรู้ว่าเป็นเอกสารปลอมจำเลยย่อมมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
พิพากษายืน

Share