คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมในที่นาพิพาทอันเป็นที่ดินมือเปล่าจำเลยไปแจ้งการครอบครองที่พิพาทเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวและยื่นคำขอคำรับรองทำประโยชน์กับยื่นคำขอจดทะเบียนนิติกรรมขายฝากโจทก์รู้แต่ก็นิ่งเสียไม่คัดค้าน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ให้จำเลยแสดงตนเป็นเจ้าของนาพิพาทแต่ผู้เดียว โดยยินยอมให้จำเลยขายฝากที่พิพาทการขายฝากจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคสอง
จำเลยคนหนึ่งขาดนัดมาแต่ต้นและมิได้อุทธรณ์ฎีกาแต่รูปคดีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้จำเลยจึงได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) และ 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้ให้ผู้มีชื่อเช่าที่นาซึ่งโจทก์ได้รับมรดกจากบิดามา โดยแบ่งข้าวจากผู้เช่าคนละครึ่งทุกปี จำเลยที่ 3 กับพวกมาแย่งข้าวจากผู้เช่านาโจทก์ไป โดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรโจทก์ขายฝากจำเลยที่ 1 ไว้แล้วไม่ไถ่ถอน นาจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาข้าวและขับไล่กับห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่นาพิพาท

จำเลยที่ 1 ให้การว่า นาพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของจำเลยที่ 2 ขายฝากจำเลยที่ 1 ไว้ จำเลยที่ 1 ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต เปิดเผย และจดทะเบียนสิทธิได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีโจทก์ขาดอายุความ

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 3 สู้ว่าเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง และให้คืนหรือใช้ราคาข้าว

จำเลยที่ 1 ที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า เป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และสามีในฐานเป็นสินสมรส เมื่อสามีตายส่วนของสามีจึงตกได้แก่โจทก์ และจำเลยที่ 2 ที่นาพิพาทจึงเป็นทรัพย์รวมเมื่อทางราชการประกาศให้ผู้มีที่ดินมือเปล่าแจ้งการครอบครองจำเลยที่ 2 ไปแจ้งการครอบครองที่พิพาทเป็นเจ้าของผู้รับมรดกแต่ผู้เดียว โจทก์รู้แล้วไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำขอคำรับรองทำประโยชน์และยื่นคำขอจดทะเบียนนิติกรรมขายฝาก ซึ่งโจทก์รู้แต่นิ่งเสียไม่ดำเนินการคัดค้าน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ให้จำเลยที่ 2 แสดงตนเป็นเจ้าของนาพิพาทแต่ผู้เดียว โดยยินยอมให้จำเลยที่ 2 ขายฝากที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 การขายฝากจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรค 2 ส่วนจำเลยที่ 2 แม้จะขาดนัดมาแต่ต้นและมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่เนื่องจากรูปคดีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 2 จึงได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 245(1) และ 247

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share