คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5905/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสระหว่างจำเลยกับ พ. สามีโจทก์เป็นโมฆะ จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ในฐานะทายาทของ พ. ให้ชดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยถูก พ. ใช้กลฉ้อฉลให้จดทะเบียนสมรส กับให้ใช้ค่าเลี้ยงชีพที่จำเลยขาดรายได้และค่าเสียหายที่โจทก์เอารถยนต์ที่จำเลยกับ พ. เป็นเจ้าของร่วมกันไป ดังนี้เป็นฟ้องแย้งในเรื่องอื่นซึ่งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ ไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยานายพัลลภ ชัยสมบัติ ในระหว่างสมรสนายพัลลภจดทะเบียนสมรสกับจำเลยโดยจำเลยรู้ว่านายพัลลภเป็นสามีโจทก์ เมื่อนายพัลลภถึงแก่กรรม จำเลยไปขอรับบำเหน็จบำนาญของนายพัลลภจากต้นสังกัด ทำให้โจทก์ไม่ได้รับเงินบำเหน็จบำนาญของนายพัลลภ ขอให้พิพากษาว่าการสมรสระหว่างจำเลยกับนายพัลลภเป็นโมฆะ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยจดทะเบียนสมรสโดยสุจริตและถูกนายพัลลภใช้กลฉ้อฉลทำให้จำเลยเสียหาย และการที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการสมรสทำให้จำเลยขาดรายได้ โจทก์เอารถยนต์ที่จำเลยกับนายพัลลภซื้อร่วมกันไป ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณืภาค ๒ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ในฐานะส่วนตัวฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่า การสมรสระวห่างจำเลยกับนายพัลลภ ชัยสมบัติ สามีโจทก์เป็นโมฆะ จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นทายาทของนายพัลลภให้ชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยถูกนายพัลลภใช้ กลฉ้อฉลให้จดทะเบียนสมรส กับให้โจทก์ชดใช้ค่าเลี้ยงชีพเพราะการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ทำให้จำเลยขาดรายได้ ทั้งยังเรียกค่าเสียหายเนื่องจากโจทก์เอารถยนต์ที่จำเลยกับนายพัลลภร่วมกันเป็นเจ้าของไป ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ ชอบที่จะไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา
พิพากษายืน.

Share