คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงาน และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งออกให้ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 แต่โรงงานของจำเลยตั้งอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และทำการแปรรูปไม้ จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 กล่าวคือต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่อีกโสดหนึ่งด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานทำการแปรรูปไม้และมีไม้สักแปรรูปจำนวน ๑๑ แผ่น ปริมาตรา ๐.๐๑ ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่อนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔, ๗๔ ทวิ, ๗๔ จัตวา, พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๙, ๒๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗, ๙ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าท้องที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ครอบครองโดยไม่รับอนุญาต จำคุกจำเลย ๑ ปี ๖ เดือน และปรับ ๗,๕๐๐ บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ ๒ ปี ส่วนข้อหาตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นให้ยก ริบไม้สักของกลางและให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อหาตั้งโรงงานแปรรูปไม้ตามฟ้องของโจทก์นั้น จำเลยอ้างว่าจำเลยได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานและใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตามเอกสารหมาย ล.๑, ล.๓ เห็นว่าใบอนุญาตดังกล่าวกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ออกให้ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ แต่โรงงานของจำเลยตั้งอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้และทำการแปรรูปไม้ จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๙ กล่าวคือต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่อีกโสดหนึ่งด้วย เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงหาพ้นความผิดตามฟ้องของโจทก์ไม่
พิพากษายืน

Share