คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5875/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ก่อนจับกุมจำเลย พยานผู้จับกุมสืบทราบเพียงว่ามีหญิงคนหนึ่งลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจึงไปที่หมู่บ้านที่เกิดเหตุพบจำเลยยืนอยู่ข้างทางท่าทางมีพิรุธจะเดินหนีจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุมพบเมทแอมเฟตามีนอยู่ในมือจำเลยและเงินสดอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงแจ้งข้อหาว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ พยานผู้จับกุมก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าจำเลยจะเป็นหญิงตามที่สืบทราบมาหรือไม่ เหตุที่จับจำเลยได้น่าจะเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า นอกจากจำเลยแล้วก็ยังมีการจับกุมผู้ต้องหารายอื่น ๆ อีก ทั้งบันทึกคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนก็มีร่องรอยการแก้ไขในช่องแจ้งข้อหา กรณียังมีเหตุน่าสงสัยอยู่ว่าจำเลยกระทำผิดในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่คงลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2541 เวลากลางวัน จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1จำนวน 10 เม็ด น้ำหนัก 0.89 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลบ้านฆ้อง อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยพร้อมยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวเป็นของกลาง ของกลางหมดไปในการตรวจพิสูจน์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67

จำเลยให้การรับว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่มิได้มีไว้เพื่อจำหน่าย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่งจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,67 จำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในคดีนี้ เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10 เม็ด เงินสด 1,250 บาทปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ พยานโจทก์มีร้อยตำรวจโทอำนวย ไชยเดชกำจร กับสิบตำรวจโทชิตชัย จิรวัฒนผลเบิกความว่าก่อนจับกุมสืบทราบว่ามีหญิงคนหนึ่งลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่หมู่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลบ้านฆ้อง อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี วันเกิดเหตุพยานเดินทางไปที่หมู่บ้านดังกล่าวพบจำเลยยืนอยู่ข้างทางท่าทางมีพิรุธจะเดินหนีจึงแสดงตัวขอตรวจค้นจับกุมพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 10 เม็ด อยู่ในมือของจำเลยและเงินสด 1,250 บาท อยู่ในกระเป๋ากางเกงแจ้งข้อหาว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพตามเอกสารหมาย จ.1 และจ.3 แต่พยานโจทก์ทั้งสองกลับเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า ก่อนจับกุมทราบเพียงว่าผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นหญิงคนหนึ่งเท่านั้น ตามคำพยานโจทก์ดังกล่าวแสดงว่าพยานผู้จับกุมไม่ทราบโดยแน่ชัดว่าจำเลยจะเป็นหญิงที่ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามที่สืบทราบมาหรือไม่ ในวันจับกุมเจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่ได้เจาะจงไปจับกุมจำเลย เหตุที่จับกุมจำเลยได้น่าจะเป็นโดยเหตุบังเอิญมากกว่า นอกจากนั้นพยานโจทก์ยังรับว่ามีการจับกุมผู้ต้องหารายอื่น ๆ อีก การจับกุมจำเลยไม่มีการใช้ให้สายลับล่อซื้อ อีกทั้งบันทึกคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.3 ก็มีร่องรอยการแก้ไขในช่องแจ้งข้อหา ฉะนั้นจำเลยจะเป็นหญิงที่จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ ยังมีเหตุน่าสงสัยอยู่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกฟ้องโจทก์ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายคงลงโทษจำเลยเพียงฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share