แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีความผิดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(3).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสุนทรี ศุภมานพ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้เรียงกระทงลงโทษ ฐานออกเช็คฉบับที่ลงจำนวนเงิน 60,000 บาท ให้จำคุก 2 เดือนฉบับลงจำนวนเงิน 20,000 บาท และฉบับจำนวนเงิน 30,000 บาทจำคุกกระทงละ 1 เดือน ส่วนฉบับลงจำนวนเงิน 8,800 บาทจำคุก 15 วัน รวมจำคุก 4 เดือน 15 วัน พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของคดีเป็นการกู้ยืมเงินกัน อาชีพของจำเลยประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกเห็นสมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะกระทงความผิดตามเช็คฉบับที่สั่งจ่ายเงินจำนวน60,000 บาท ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะกระทงความผิดของจำเลยฐานออกเช็คพิพาทฉบับลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2531 จำนวนเงิน 60,000บาท ไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมยื่นคำร้องว่า โจทก์ร่วมกับจำเลยสามารถตกลงกันได้ และจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมครบถ้วนแล้วโจทก์ร่วมไม่ติดใจเอาความกับจำเลย ขอถอนฟ้อง โจทก์และจำเลยไม่คัดค้าน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ร่วมครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)”
จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ.