คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นมารดาของจำเลย เป็นผู้มีพระคุณต่อจำเลย ตามปกติวิสัยบุตรย่อมต้องให้ความเคารพและเทิดทูนมารดาไว้เหนือผู้อื่น การที่จำเลยพูดด่าว่าโจทก์ว่า “มึงเก่งหรืออีบัว”ก็ดี และว่ามึงอย่าเก่งมากนักก็ดี และท้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาสู้กับตนโดยกล่าวว่า “มึงอย่าเก่งหลายอีบัว นาบ่ใช่นามึง นาของพ่อ ถ้าเก่งมาสู้กับบักลี กูจะจับขามึงวี่ลงเฮือน” ซึ่งหมายความว่าถ้าโจทก์เก่งจะจับขาเหวี่ยงลงจากบ้าน ล้วนแต่เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดาผู้เป็นบุพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไป ทั้งเป็นการลบหลู่บุญคุณมารดาอีกด้วย มิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่หยาบคายและไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๒๐ โจทก์ได้ยกที่ดิน ๑ แปลง ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๙๔ ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ ๘ ไร่ ๓ งาน ๔๓ ตารางวา ให้แก่จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาโจทก์มีอายุมากขึ้นไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ทำให้กลายเป็นคนยากไร้ ไม่มีเสื้อผ้า อาหาร อันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการดำรงชีพ จำเลยสามารถจะให้สิ่งจำเป็นดังกล่าวแก่โจทก์ได้ แต่ไม่ยอมให้ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน๒๕๓๐ จำเลยร่วมกับนายกุล สีสิทธิ์ ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ด้วยการกล่าวคำหมิ่นประมาทโจทก์ว่า”อีบัว มึงอย่าเก่งหลายเด้ กูซิจับขามึงวี่ลงเรือนเด้ มึงอย่าสิเว้าหลาย นาพ่อกู บ่แม่นนามึง”หมายความว่าโจทก์ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยดื้อรั้น จำเลยจะจับขาโจทก์เหวี่ยงให้ตกลงจากบ้านโจทก์หาว่าโจทก์เป็นคนพูดมาก ที่โจทก์ยกที่นาให้แก่จำเลย เป็นที่นาของบิดาจำเลย มิใช่ที่นาโจทก์ ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยคืนและจดทะเบียนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๙๔ ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ไปจดทะเบียนขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยลบหลู่หรือหมิ่นประมาทโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นมารดาของจำเลย เป็นผู้มีพระคุณต่อจำเลยตามปกติวิสัยบุตรย่อมต้องให้ความเคารพและเทิดทูนมารดาไว้เหนือผู้อื่น การที่จำเลยพูดด่าว่าโจทก์ว่า “มึงเก่งหรืออีบัว” ก็ดี และว่ามึงอย่าเก่งมากนักก็ดี และท้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาสู้กับตนโดยกล่าวว่า “มึงอย่าเก่งหลายอีบัว นาบ่ใช่นามึง นาของพ่อ ถ้าเก่งมาสู้กับบักลี กูจะจับขามึงวี่ลงเฮือน” ซึ่งหมายความว่าถ้าโจทก์เก่งจะจับขาเหวี่ยงลงจากบ้าน ล้วนแต่เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดาผู้เป็นบุพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไปทั้งเป็นการลบหลู่บุญคุณมารดาอีกด้วย มิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่หยาบคายและไม่สมควรเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๑
พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนและจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๙๔ ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานีให้แก่โจทก์ จำเลยไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย.

Share