คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยโต้เถียงกับผู้ตายแล้วสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันผู้ตายและผู้เสียหายมีอาวุธในมือจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยยิงผู้ตายและผู้เสียหาย จำเลยอ้างว่าป้องกันไม่ได้
จำเลยโดดขึ้นรถสามล้อเครื่องที่ขับผ่านมาบังคับให้ขับเร็ว ๆ คนขับขับเร็วขึ้นกว่าปกติไม่ได้ เพราะสภาพการจราจรในขณะนั้น เป็นความผิดฐานพยายามซึ่งไม่บรรลุผลตาม มาตรา 309,80

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2517 มาตรา 3 จำคุก 4 เดือน ฐานพกอาวุธปืนฯจำคุก 2 เดือน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 20 ปี ผิด มาตรา 288,80 จำคุก 12 ปี ผิด มาตรา 309 จำคุก 6 เดือน คืนปืนของกลางแก่เจ้าของริบกระสุนและปลอกกระสุนปืน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะความผิดต่อเสรีภาพ เป็นพยานตาม มาตรา 309, 80 จำคุก 4 เดือน โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกับผู้ตายมีเรื่องทะเลาะโต้เถียงกันตั้งแต่ในรถสองแถวแล้ว โดยผู้ตายหาว่าจำเลยเหยียบเท้า พลฯ สมศักดิ์ ทองสุข พยานจำเลยซึ่งโดยสารมาในรถคันเดียวกัน ก็เบิกความว่าได้ยินคนเถียงกันอยู่ด้านหลังรถ และเมื่อทั้งสองฝ่ายลงจากรถแล้วก็ยังมายืนโต้เถียงกันอีกตัวจำเลยเองเบิกความยอมรับว่า เมื่อลงจากรถแล้วได้โต้เถียงกับฝ่ายผู้ตายประมาณ 2 นาที นายบุญส่งผู้เสียหายก็เบิกความว่า ตั้งแต่จำเลยกับผู้เสียหายโต้เถียงกันจนจำเลยยิงผู้ตายใช้เวลาประมาณ 5 นาที พระภิกษุจำลอง ผลธัมโม พยานจำเลยก็เบิกความว่าเห็นโต้เถียงกัน เมื่อโต้เถียงกันแล้วก็ได้มีการท้าทายกัน โดยพลฯสมศักดิ์ ทองสุข พยานจำเลยเบิกความว่าได้ยินคนที่ทะเลาะกับจำเลยพูดว่า มึงจะเอายังไงกับกู จำเลยก็บอกว่ายังไงก็ได้แม้ในชั้นศาลจำเลยจะไม่ได้ให้การทำนองนี้ แต่ก็ปรากฏในคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยโดยจำเลยให้การไว้ว่าเมื่อผู้เสียหายพูดว่า “มึงจะเอาหรือเปล่า” จำเลยก็ตอบว่า “เอาซิ” รูปเรื่องจึงเป็นกรณีที่จำเลยกับฝ่ายผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กัน ที่จำเลยอ้างในฎีกาว่าควรฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ตายและผู้เสียหายมีอาวุธอยู่ในมือและจะเข้าทำร้ายจำเลยก่อนนั้น เห็นว่าเมื่อกรณีเป็นเรื่องที่จำเลยกับฝ่ายผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันแล้ว แม้จะฟังว่าผู้ตายและผู้เสียหายมีอาวุธอยู่ในมือและจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยก็จะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหาได้ไม่ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยในส่วนที่ใช้ปืนจี้ขู่นายวีระชัยให้ขับรถเร็วขึ้น เป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309นั้น ในประเด็นนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า หลังจากจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายแล้ว ได้วิ่งหนีไปขึ้นรถสามล้อเครื่องที่นายวีระชัย อติพรประเสริฐ เป็นคนขับ และบอกให้นายวีระชัยขับรถเร็ว ๆ มีธุระ โดยมีอาการกิริยาเป็นการข่มขืนใจนายวีระชัยให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต แต่นายวีระชัยก็ไม่ได้ขับรถให้เร็วขึ้นกว่าที่ขับส่งผู้โดยสารตามปกติ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะสภาพของการจราจรในขณะนั้นไม่อำนวยให้นายวีระชัยขับรถเร็วขึ้นกว่าปกติตามที่จำเลยข่มขืนใจให้นายวีระชัยกระทำ จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share