คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5831/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้ในใบตราส่งช่องลายมือชื่อของผู้ขนส่งที่มุมขวาด้านล่างจะใช้คำว่า VIRGO LINE by LEO TRANSPORT CORPORATION LTD. AS AGENT FOR THE CARRIER ซึ่งแปลได้ความว่าโจทก์ในฐานะตัวแทนเพื่อ VIRGO LINE ผู้ขนส่ง แต่ใบตราส่งนี้เป็นเพียงหลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเล ไม่ใช่ตัวสัญญารับขนของทางทะเล และสัญญารับขนของทางทะเลไม่มีแบบ โจทก์จึงสามารถนำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารนี้ได้ว่าโจทก์รับขนของทางทะเลโดยใช้ชื่อในการประกอบกิจการว่า VIRGO LINE อันเป็นชื่อทางการค้าหรือเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และโจทก์ใช้เป็นชื่อในการออกใบตราส่งให้แก่ผู้ส่ง ดังนี้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ขนส่งสินค้าของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทางทะเลมีสิทธิเรียกค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งจากจำเลยที่ 1 และที่ 2
ส่วนจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ประกอบธุรกิจค้าขายตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 โดยร่วมขายสินค้าและติดต่อว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ขนส่งกับชำระค่าจ้างขนส่งและค่าดำเนินการต่างๆ ทั้งเป็นผู้ชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งโดยชำระด้วยเช็คส่งมอบให้โจทก์ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คทั้ง 6 ฉบับ จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นและยังต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ส่งร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่าจ้างโจทก์ขนส่งสินค้าทางทะเลดังที่โจทก์นำสืบด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันว่าจ้างโจทก์ให้จัดส่งสินค้าของจำเลยทั้งสามไปส่งมอบให้ผู้ซื้อในประเทศแคนาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รวม 4 เที่ยว ตกลงชำระค่าระวางการขนส่งและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการขนส่งแบบ FREIGHT PREPAID คือเรียกเก็บจากจำเลยผู้ส่งที่ต้นทางเมื่อโจทก์ส่งสินค้าไปแล้ว และว่าจ้างโจทก์จัดส่งสินค้าไปให้ผู้ซื้อในประเทศเนเธอร์แลนด์ รวม 4 เที่ยว ตกลงชำระค่าระวางขนส่งแบบ FREIGHT COLLECT คือ เรียกเก็บจากผู้รับตราส่งที่ปลายทาง ส่วนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งเรียกเก็บจากจำเลยทั้งสาม โจทก์จัดส่งสินค้าทุกเที่ยวให้เรียบร้อยแล้ว จึงส่งใบเรียกเก็บเงินไปเรียกเก็บจากจำเลยที่ 1 รวมทั้งหมด 599,551 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสามชำระเงินค่าระวางการขนส่งและค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่โจทก์ด้วยเช็ค 6 ฉบับ มีจำเลยที่ 3 เป็นผู้สั่งจ่าย ครั้นเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดชำระเงิน โจทก์เรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ได้รับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสาม โจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็ครวม 599,551 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแต่ละฉบับจนถึงวันฟ้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 621,629.62 บาท และร่วมกันชำระดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวในต้นเงิน 599,551 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 302,058.30 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 2 พฤศจิกายน 2548) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามที่คู่ความไม่อุทธรณ์โต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 มอบหมายให้โจทก์จัดส่งสินค้าประเภทหัตถกรรมไม้แกะสลัก และของประดับบ้านที่ทำด้วยหัตถกรรมไปส่งให้ผู้ซื้อในต่างประเทศ คือประเทศแคนาดา 1 เที่ยว ประเทศสหรัฐอเมริกา 2 เที่ยว และประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 1 เที่ยวตกลงให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งให้แก่โจทก์ ณ ต้นทาง ตามสำเนาใบตราส่ง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังไม่ได้ชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งดังกล่าวต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 2 มอบหมายโจทก์ให้ขนส่งสินค้าประเภทดังกล่าวไปให้ผู้ซื้อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์อีก 4 เที่ยว โดยตกลงให้โจทก์เรียกเก็บค่าระวางจากผู้ซื้อ ณ ปลายทาง แต่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งจากจำเลยตามสำเนาใบตราส่ง โจทก์ได้จัดส่งสินค้าให้เรียบร้อยแล้ว และเรียกเก็บเงินค่าระวางและค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปยังจำเลยที่ 1 รวมเป็นเงิน 599,551 บาท ตามใบเรียกเก็บเงิน จำเลยที่ 3 ได้ออกเช็คชำระหนี้ให้ 6 ฉบับ รวมเป็นเงิน 599,551 บาท แต่เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏเสธการจ่ายเงินตามเช็คทุกฉบับตามเช็ค สำเนาเช็ค ใบคืนเช็ค และสำเนาใบคืนเช็ค โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า โจทก์เป็นผู้ขนส่งสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในเที่ยวตามใบตราส่งหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีพนักงานของโจทก์เป็นพยานและเบิกคความประกอบบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อข้อเท็จจริงหรือความเห็นว่า โจทก์ประกอบกิจการรับขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอื่นๆ โดยใช้ชื่อในการประกอบกิจการรับขนส่งทางทะเลว่า VIRGO LINE อันเป็นเชื่อทางการค้าหรือเครื่องหมายทางการค้าของโจทก์ และโจทก์ใช้ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อในการออกใบตราส่งให้แก่ผู้ส่ง จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ประกอบกิจการส่งออกสินค้าหัตถกรรมดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ประกอบกิจการด้วยจำเลยทั้งสามโดยจำเลยที่ 3 ติดต่อว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งสินค้าพิพาทไปส่งมอบให้ผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยจำเลยที่ 3 ตกลงจะชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งให้แก่โจทก์ ซึ่งเป็นการให้ถ้อยคำยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้ขนส่งสินค้าของจำเลยทางทะเลทุกเที่ยวตามฟ้อง แม้ในใบตราส่งช่องลายมือชื่อของผู้ขนส่งที่มุมขวาด้านล่างจะใช้คำว่า VIRGO LINE by LEO TRANSPORT CORPORATION LTD. AS AGENT FOR THE CARRIER ซึ่งแปลได้ความว่าโจทก์ในฐานะตัวแทนเพื่อ VIRGO LINE ผู้ขนส่ง แต่ใบตราส่งนี้เป็นเพียงหลักกฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเล ไม่ใช่ตัวสัญญารับขนของทางทะเล และสัญญารับขนของทางทะเลไม่มีแบบ โจทก์จึงสามารถนำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารนี้ได้ว่าโจทก์รับขนของทางทะเลโดยใช้ชื่อในการประกอบกิจการว่า VIRGO LINE อันเป็นชื่อทางการค้าหรือเครื่องหมายทางการค้าของโจทก์ และโจทก์ใช้เป็นชื่อในการออกใบตราส่งให้แก่ผู้ส่งอันเป็นการนำสืบว่าโจทก์ คือ VIRGO LINE ผู้ขนส่ง และโจทก์ไม่ได้ออกใบตราส่งในฐานะตัวแทนของ VIRGO LINE ผู้ขนส่งและตามแบบฟอร์มใบตราส่งซึ่งเป็นแบบฟอร์มเดียวกับใบตราส่งก็ปรากฏว่าได้ให้คำนิยามคำว่า “Virgo Line” เป็นภาษาอังกฤษซึ่งแปลได้ความว่า “คำนี้ที่กล่าวไว้ด้านหน้าของใบตราส่งว่าเป็นผู้ขนส่งนั้น หมายถึงห้างหุ้นส่วนจำกัดลีโอ ทรานสปอร์ต คอร์ปอเรชั่น” ซึ่งก็คือโจทก์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า หลังจากโจทก์กับฝ่ายจำเลยตกลงพัการชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งที่เรียกเก็บในการขนส่ง 4 เที่ยวแรก ตามใบเรียกเก็บเงินฝ่ายจำเลยยังว่าจ้างโจทก์ให้จัดการขนส่งสินค้าอีกหลายครั้งติดต่อกันเรื่อยมา โดยโจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 3 ได้ชำระเงินค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งให้แก่โจทก์ตลอดมา จนกระทั่งมาว่าจ้างให้ขนส่งอีก 4 เที่ยวไปประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ตกลงกันว่าฝ่ายจำเลยจะชำระค่าระวางและค่าใช้จ่าย 4 เที่ยวแรกที่พักการชำระไว้ให้แก่โจทก์พร้อมกับชำระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่ง 4 เที่ยวนี้ด้วย อันเป็นการแสดงว่าจำเลยทั้งสามยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้ขนส่ง จึงยอมชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์มาโดยตลอด เพิ่งจะไม่ชำระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่ง 4 เที่ยวไปประเทศเนเธอร์แลนด์กับค่าระวางและค่าใช้จ่าย 4 เที่ยวแรกที่พักการชำระไว้ ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ขนส่งสินค้าของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทางทะเลตามใบตราส่ง โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามใบตราส่งทั้งสองฉบับนี้ตามใบเรียกเก็บเงิน
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการต่อไปมีว่า จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งทุกเที่ยวให้แก่โจทก์ด้วยหรือไม่ จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ประกอบธุรกิจค้าขายตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 โดยร่วมขายสินค้าและติดต่อว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ขนส่งกับชำระค่าจ้างขนส่งและค่าดำเนินการต่างๆ ทั้งเป็นผู้ชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่ง โดยชำระด้วยเช็คส่งมอบให้โจทก์ เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งหกฉบับ จำเลยที่ 3 ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900, มาตรา 988 (7) เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งหกฉบับ จำเลยทั้งสามย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดและต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแต่ละฉบับเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะชำระเสร็จ นอกจากนี้จำเลยที่ 3 ยังต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ส่งมอบร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่าจ้างโจทก์ขนส่งสินค้าทางทะเลดังที่โจทก์นำสืบด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 599,551 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 100,000 บาท 100,000 บาท 100,000 บาท 100,000 บาท 100,000 บาท และ 99,551 บาท นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2548 วันที่ 30 มีนาคม 2548 วันที่ 31 มีนาคม 2548 วันที่ 8 มิถุนายน 2548 วันที่ 8 มิถุนายน 2548 และวันที่ 4 กรกฎาคม 2548 จนกว่าจำเลยทั้งสามจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (วันที่ 2 พฤศจิกายน 2548) ต้องไม่เกินจำนวน 5,486.30 บาท 4,294.52 บาท 4,273.97 บาท 2,856.16 บาท 2,856.16 บาท และ 2,311.49 บาท ตามลำดับ ตามที่โจทก์ขอ

Share