แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในระหว่างที่มีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยโจทก์ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เท่านั้น แสดงว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้เป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ตลอดไปทั้งคดี หาได้มุ่งใช้เฉพาะการใดการหนึ่งไม่ จึงถือได้ว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวเป็นบัญชีระบุพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาคดี ซึ่งได้ยื่นต่อศาลภาษีอากรกลางก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8 แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรแล้ว.
เมื่อคำร้องของโจทก์ที่ขอระบุพยานเพิ่มเติมแสดงเหตุอันสมควรได้ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์ขออนุญาตอ้างเพิ่มเติมภายหลังวันชี้สองสถานโจทก์เพิ่งทราบที่อยู่และข้อเท็จจริงจากพยานของโจทก์จำเป็นจะต้องสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ศาลควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลย และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง ขอให้ยกเลิกและเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าว
จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า ในชั้นพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมอ้างเหตุว่า ได้ระบุพยานชั้นไต่สวนอนาถาไว้แล้วแต่ยังบกพร่องอยู่ และศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ตั้งแต่ในชั้นไต่สวนขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา และศาลได้ทำการไต่สวนเสร็จแล้ว ซึ่งในชั้นพิจารณาคดีโจทก์จะต้องระบุพยานใหม่ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 จะถือเอาบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถามาเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในชั้นพิจารณาไม่ได้เมื่อโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นพิจารณาคดีไว้ โจทก์จึงจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมไม่ได้ ให้ยกคำร้องของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ คดีจึงย่อมฟังไม่ได้ตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์เป็นประการแรกว่า การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยาน ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2530 ไว้ในระหว่างมีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามคำร้องของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ซึ่งออกตามความในมาตรา 20 และมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 ศาลฎีกาเห็นว่า บัญชีระบุพยานของโจทก์ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2530 แม้โจทก์จะได้ยื่นในระหว่างมีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่บัญชีระบุพยานดังกล่าว โจทก์ก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เท่านั้น ตรงข้ามกลับปรากฏว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยไม่ได้ระบุข้อความประการใดแสดงความประสงค์ของโจทก์ว่ามุ่งประสงค์ให้เป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ตลอดไปทั้งคดี หาได้มุ่งใช้เฉพาะการใดการหนึ่งไม่ ดังนั้น จึงถือได้ว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวเป็นบัญชีระบุพยานโจทก์ซึ่งได้ยื่นต่อศาลภาษีอากรกลางก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8 แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรดังกล่าวแล้ว ศาลภาษีอากรกลางหาชอบที่จะอ้างว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นพิจารณาคดีได้ไม่ โจทก์อุทธรณ์ประการต่อมาว่า ศาลควรรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ลงวันที่ 10 มีนาคม 2531 เห็นว่า บัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ดังกล่าว โจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุอันสมควร ขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวไว้ด้วย โดยอ้างว่าโจทก์เพิ่งทราบที่อยู่ และข้อเท็จจริงจากนางอุทัยวรรณ ศุขโชติพยานของโจทก์ปรากฎตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 10 มีนาคม 2531กรณีจึงมีเหตุอันสมควรและเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ซึ่งโจทก์จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าว จึงควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมลงวันที่ 10 มีนาคม 2531 ได้ ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรที่กล่าวแล้ว ดังนั้น ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำพยานเข้าสืบ และให้งดสืบพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ลงวันที่ 10 มีนาคม 2531 แล้วให้ศาลภาษีอากรกลางรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่