แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 3 เป็นผู้ชักชวนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ไปต่างประเทศ โดยจัดหาค่าใช้จ่าย ค่าพาหนะตลอดจนกระเป๋าเสื้อผ้าให้ ทั้งยังเป็นผู้บรรจุเสื้อผ้าให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 เองที่บ้านพักของจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 รู้ดีว่าภายในกระเป๋ามีเฮโรอีนบรรจุอยู่ กระเป๋าและเฮโรอีนของกลางนั้นบุคคลอื่นเป็นผู้จัดหามาให้อีกทอดหนึ่ง ขณะที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำกระเป๋าเสื้อผ้าบรรจุเฮโรอีนของกลางที่จำเลยที่ 3 จัดให้ไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพ เพื่อจะโดยสารเครื่องบินไปต่างประเทศได้ถูกจับกุมพร้อมของกลาง โดยจำเลยที่ 3 มิได้ไปด้วยดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 พยายามนำเฮโรอีนของกลางออกไปนอกประเทศเพื่อจำหน่าย ถือได้เพียงว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกที่หลบหนี 2 คนร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2520 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ได้ร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนจำนวน4 ถุง น้ำหนัก 6,940 กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมิได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีและตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยกับพวกที่หลบหนียังได้ร่วมกันนำเอาเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ดังกล่าวออกจากราชอาณาจักรไทยไปยังต่างประเทศเพื่อจำหน่าย แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจพบเสียก่อน จำเลยกับพวกที่หลบหนีจึงนำเฮโรอีนดังกล่าวขึ้นเครื่องบินออกไปนอกราชอาณาจักรไม่ได้ เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตบางเขน และแขวงพญาไท เขตพญาไทกรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 20, 20 ทวิ, 20 ตรี, 29 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 5, 6, 7, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91 ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 ริบเฮโรอีนและกระเป๋าเดินทางของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ สืบพยานโจทก์เสร็จจำเลยที่ 1 ที่ 2ถอนคำให้การเดิมและขอรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20, 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 5, 6 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 1, 2 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ประกอบด้วยมาตรา 80, 52 ลงโทษสองในสามของความผิดสำเร็จ ให้จำคุกจำเลยทั้งสามไว้ตลอดชีวิต ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 51 คงจำคุกจำเลยทั้งสามไว้คนละ 33 ปี4 เดือน ของกลางริบ
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2520 มาตรา 20, 20 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504มาตรา 5, 6 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา 80, 86 ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2456 มาตรา 20 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 5ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 86 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ประกอบมาตรา 52, 53 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 1จำคุกจำเลยที่ 3 33 ปี 4 เดือน ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ 22 ปี 2 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ชักชวนให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ให้ไปต่างประเทศ โดยจัดหาค่าใช้จ่าย ค่าพาหนะตลอดจนกระเป๋าเสื้อผ้ามาให้ ทั้งยังเพทุบายเป็นผู้บรรจุเสื้อผ้าให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 เอง ณ บ้านพักของจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 รู้ดีว่าภายในกระเป๋ามีเฮโรอีนบรรจุอยู่กระเป๋าเฮโรอีนของกลางนั้นบุคคลอื่นเป็นผู้จัดหามาให้อีกทอดหนึ่ง ของกลางที่จะนำออกไปนอกประเทศนั้น นำไปโดยทางเครื่องบินผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง ขณะที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำกระเป๋าเสื้อผ้าบรรจุเฮโรอีนของกลางที่จำเลยที่ 3 จัดให้ไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อจะโดยสารเครื่องบินไปยังประเทศฝรั่งเศส และถูกจับกุมตัวพร้อมของกลางดังกล่าวที่ท่าอากาศยานกรุงเทพนั้น จำเลยที่ 3 มิได้ไปด้วย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 พยายามนำเฮโรอีนของกลางไปนอกประเทศเพื่อจำหน่าย จึงลงโทษจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 ถือได้เพียงว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในความผิดฐานนี้นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน