แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งนั้น แล้วต่อมาจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อพ้นกำหนดอุทธรณ์ 1 เดือนแล้ว ส่วนการที่จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ก่อนนั้นก็เป็นเรื่องที่ตามกฎหมายไม่จำต้องกระทำ การปฏิบัติของจำเลยดังกล่าวจึงหามีผลตามกฎหมายแต่อย่างใดไม่แม้ศาลชั้นต้นจะรับเป็นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ ก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเรื่องที่จำเลยขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์นี้เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน3,170,229.43 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 11 ต่อปีในต้นเงิน 3,000,000 บาท นับแต่วันที่ 12 มีนาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2533 ต่อมาวันที่ 24 สิงหาคม 2533 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้
ศาลชั้นต้นสั่งว่า การยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ จะต้องยื่นภายในกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องล่วงเลยกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้วให้ยกคำร้อง
ต่อมาวันที่ 3 กันยายน 2533 จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นและขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดระยะเวลาให้จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับเป็นคำโต้แย้งคำสั่ง สำเนาให้โจทก์ที่ขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์นั้น ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะสั่งให้ได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19กรกฎาคม 2533 ซึ่งครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 20 สิงหาคม 2533(วันที่ 19 สิงหาคม 2533 เป็นวันอาทิตย์) จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ในวันที่ 24 สิงหาคม 2533 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวอ้างว่าล่วงเลยกำหนดเวลาอุทธรณ์แล้ว ดังนี้เห็นว่า หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวก็จะต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 คือต้องยื่นภายในวันที่ 24 กันยายน 2533 แต่ปรากฏว่าจำเลยกลับยื่นคำร้องลงวันที่ 3 กันยายน 2533 โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ แล้วต่อมาในวันที่2 ตุลาคม 2533 จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ แต่การที่จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นเป็นเรื่องที่ตามกฎหมายไม่จำต้องกระทำ การปฏิบัติของจำเลยดังกล่าวจึงหามีผลตามกฎหมายแต่อย่างใดไม่ จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ในวันที่ 2 ตุลาคม 2533 จึงเป็นการยื่นอุทธรณ์คำสั่งเมื่อพ้นกำหนด 1เดือน ตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว ที่ศาลชั้นต้นรับเป็นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องถือว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาจำเลย.