คำสั่งคำร้องที่ 2310/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็น ปัญหาข้อกฎหมาย โดยฎีกาข้อ 2.1 เป็นปัญหาว่า โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสามไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ฎีกาข้อ 2.2 เป็นปัญหาว่า เอกสารหมาย จ.2 ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่เป็น การแบ่งมรดกโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ฎีกาข้อ 2.4เป็นปัญหา ว่า จำเลยทั้งสามไม่ได้เป็นผู้บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ของ ผู้อื่น จึงไม่มีความผิดทางอาญา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามด้วย
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 95 แผ่นที่ 2,94 แผ่นที่ 2)
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,365 ประกอบด้วยมาตรา 362เป็น ความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ ปรับ 2,000 บาท ฐานบุกรุก จำคุก 1 ปี และปรับ 4,000 บาท รวมจำคุกคนละ 1 ปี และปรับ 6,000 บาท คำให้การชั้นจับกุมและ สอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 8 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลยทั้งสาม คนละ 4,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 91)
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 92)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 8 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลย ทั้งสามคนละ 4,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น คู่ความย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ฎีกาของ จำเลยทั้งสามทุกข้อเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share