แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซื้อสินค้าเชื่อจากโจทก์ ในใบนำส่งสินค้าแต่ละคราวมีข้อความระบุว่าให้ผู้ซื้อชำระราคาภายใน 30 วัน และโจทก์จำเลยมีข้อตกลงกันว่าถ้าสินค้าชำรุดย่อมให้จำเลยส่งคืนได้ โจทก์จะคิดชดเชยราคาให้ตามส่วนและสภาพของสินค้า โดยโจทก์จะออกใบเครดิตโน้ทให้จำเลย แสดงยอดเงินที่โจทก์คิดชดเชยให้ และโจทก์จะนำยอดเงินในเครดิตโน้ทนั้นไปหักออกจากราคาสินค้าที่จำเลยเป็นหนี้อยู่ ดังนี้ สิทธิเรียกร้องในราคาสินค้าของโจทก์ย่อมเกิดขึ้นนับจากวันถึงกำหนดชำระตามใบนำส่งสินค้า มิใช่นับจากวันที่หักราคาสินค้ากับเครดิตโน้ท เมื่อนับจากวันถึงกำหนดชำระตามใบนำส่งสินค้าทุกฉบับจนถึงวันฟ้องเกินกว่า 2 ปีแล้ว คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)
ข้อตกลงเรื่องคืนสินค้าดังกล่าวเป็นการตกลงกันในเรื่องคุณภาพของสินค้า จำเลยจะใช้สิทธิคืนสินค้าหรือไม่ย่อมแล้วแต่ฝ่ายจำเลยจะเลือกปฏิบัติใบ
เครดิตโน้ทที่โจทก์ออกให้เมื่อจำเลยส่งสินค้าชำรุดคืนก็เป็นเพียงหลักฐานที่โจทก์ยินยอมชดเชยราคาให้แก่ฝ่ายจำเลยเอง และเป็นหลักฐานที่โจทก์ฝ่ายเดียวทำขึ้น การที่จำเลยส่งสินค้าคืนเพื่อเรียกค่าชดเชยจากโจทก์จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยอันจะทำให้อายุความ สะดุดหยุดลง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างเดือนมีนาคม ๒๕๑๒ ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๒ จำเลยได้ซื้อเชื่อยางดันล้อปไปจากบริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทแองโกลไทย (กรุงเทพ) จำกัด หลายคราวโดยมีข้อตกลงกันว่าหากยางรถยนต์ที่จำเลยซื้อไปแตกหรือชำรุดเสียหาย อันมิใช่เนื่องจากสึกหรอโดยการใช้อย่างปกติแล้ว บริษัททั้งสองจะคิดชดเชยราคาให้แก่จำเลยตามส่วนคิดจากสภาพของยางนั้น ๆ ในเมื่อจำเลยได้ส่งยางนั้นคืนภายในเวลาไม่เกิน ๒ ปี ทางบริษัททั้งสองเมื่อรับยางที่ชำรุดไว้แล้วจะออกใบเครดิตโน้ท แสดงยอดเงินที่คิดชดเชยให้จำเลย และนำยอดเงินไปหักกับยอดเงินที่จำเลยเป็นหนี้อยู่ การซื้อยางเชื่อไปจากบริษัททั้งสองนั้น บริษัททั้งสองจะส่งยางไปให้จำเลย ณ ที่สำนักงานของจำเลย พนักงานของจำเลยเป็นผู้ลงชื่อรับสินค้าไว้ในนำส่งสินค้ารวม ๒๐ ฉบับ มี ๘ ฉบับที่เจ้าพนักงานของจำเลยมิได้ลงชื่อไว้แต่ได้ลงชื่อในใบรับสินค้าต่างหากเป็นหลักฐาน เมื่อโจทก์ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทจำกัดในประเทศไทยแล้ว บริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทแองโกลไทย (กรุงเทพฯ) จำกัด ได้โอนกิจการจำหน่ายยางรถและผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดันล้อปมาให้บริษัทโจทก์ดำเนินกิจการต่อไป และได้โอนสิทธิเรียกร้องในหนี้สินทั้งหมดที่บริษัททั้งสองมีอยู่กับจำเลย และลูกหนี้อื่น ๆ มาให้โจทก์เป็นผู้รับโอนเพื่อดำเนินการติดต่อและเรียกร้องต่อไป เมื่อคิดยอดหนี้ถึงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๑๓ อันเป็นวันสุดท้าย คิดหักค่ายางที่จำเลยเรียกชดเชยแล้ว จำเลยยังค้างชำระหนี้โจทก์อยู่ทั้งสิ้น ๔๐,๑๔๐ บาท ขอบังคับให้จำเลยใช้เงิน ๔๐,๑๔๐ บาทกับดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง ๒,๐๐๗ บาท รวมเป็นเงิน ๔๒,๑๔๗ บาท ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีในเงินจำนวน ๔๐,๑๔๐ บาทนับต่อจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยได้ซื้อยางดันล้อปไปจากบริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทแองโกลไทย (กรุงเทพฯ) จำกัด หลายครั้ง แต่บริษัทไม่เคยตกลงกับจำเลยว่าบริษัทจะชดเชยราคาให้จำเลยตามสภาพของยางที่แตกหรือชำรุดเสียหาย ซึ่งมิใช่เนื่องแต่การใช้ หากแต่บริษัททั้งสองได้ลดราคาพิเศษเพื่อเอาใจลูกค้าเท่านั้น ใบนำส่งสินค้าท้ายฟ้องหมาย ๓, ๕, ๖, ๗, ๑๑, ๑๓, ๑๕ และ ๒๐ พนักงานของจำเลยมิได้ลงชื่อไว้ จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้รับสินค้าดังกล่าวไว้คิดเป็นเงิน ๑๒,๕๓๔ บาท เอกสารหมาย ๒๒, ๒๓ เป็นเรื่องที่บริษัททั้งสองลดราคาพิเศษให้จำเลยเอง เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๒๖ ถึง ๓๒ โจทก์ทำขึ้นเองมิใช่เป็นเครดิตโน้ทเพื่อชดเชยค่ายางให้จำเลย เอกสารหมาย ๓๓ มิใช่รายการหนี้สินดังโจทก์กล่าวอ้าง จำเลยไม่เคยรับหนังสือทวงถามหนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ย หนี้ตามฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ภายในกำหนด ๒ ปี คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๑) จำเลยไม่ต้องรับผิดในมูลหนี้ตามที่โจทก์ฟ้อง ประเด็นข้ออื่นจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความ ๒ ปี แต่โจทก์ฟ้องเมื่อเลยกำหนด ๒ ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าจำเลยได้ซื้อยางดันล้อปจากบริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทแองโกลไทย (กรุงเทพฯ) จำกัด มานานประมาณ ๑๖ ปีเศษแล้ว เมื่อจำเลยสั่งซื้อยางจากบริษัททั้งสองบริษัทผู้ขายจะให้เจ้าหน้าที่นำสินค้ามาส่งให้ ณ ที่ทำการของจำเลย โดยมีใบนำส่งสินค้ากำกับมาด้วยทุกครั้ง เมื่อส่งให้ผู้รับถูกต้องแล้วผู้รับสินค้าจะต้องลงชื่อไว้เป็นหลักฐานในใบส่งสินค้านี้จะมีวัน เดือน ปี ที่นำส่งรายการสินค้าและราคาบอกไว้เสร็จ หลังจากบริษัทโจทก์ได้ก่อตั้งและจดทะเบียนในประเทศไทยแล้ว ได้รับโอนกิจการค้าขายยางดันล้อป พร้อมทั้งสิทธิเรียกร้องหนี้สินต่าง ๆ ที่บรรดาลูกหนี้มีอยู่กับบริษัททั้งสองมาเป็นของบริษัทโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ ในระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๒ จำเลยสั่งซื้อเชื่อยางรถจากบริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทแองโกลไทย (กรุงเทพฯ) จำกัด หลายครั้ง กำหนดชำระราคาภายใน ๓๐ วัน โดยมีข้อตกลงกันว่าถ้ายางรถที่ซื้อไปนั้นเสียหายหรือชำรุด อันมิใช่เกิดจากการสึกหรอเนื่องจากการใช้อย่างปกติแล้ว บริษัททั้งสองจะคิดชดเชยราคาให้แก่จำเลยตามส่วนและสภาพของยางนั้น ๆ ในเมื่อจำเลยได้ส่งยางนั้นคืนให้แก่บริษัททั้งสองในเวลาไม่เกิน ๒ ปีนับแต่วันที่ซื้อไป เงินที่จำเลยได้รับชดเชยนี้บริษัททั้งสองจะนำมาหักกับราคายางที่จำเลยซื้อ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ปัญหาดังกล่าว โจทก์นำสืบว่าระหว่างเดือนมีนาคม ๒๕๑๒ ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๒ จำเลยซื้อเชื่อยางไปจากบริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทแองโกลไทย (กรุงเทพฯ) จำกัด ปรากฏตามใบนำส่งสินค้ารวม ๒๐ ฉบับ โดยในระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน ๒๕๑๒ จำเลยได้ส่งคืนยางให้แก่บริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเรียกค่าชดเชยรวม ๒ คราว และระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ๒๕๑๓ จำเลยส่งคืนยางให้บริษัทโจทก์อันเป็นยางที่จำเลยซื้อไปจากบริษัททั้งสองเพื่อเรียกค่าชดเชยจากโจทก์รวม ๗ คราว ซึ่งบริษัทแองโกลไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทโจทก์ได้ออกใบเครดิตโน้ทให้จำเลย คิดหักแล้วจำเลยยังคงค้างชำระหนี้โจทก์อยู่อีกเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๐,๑๔๐ บาท โดยโจทก์ได้แจ้งยอดหนี้ให้จำเลยทราบและกำหนดให้จำเลยชำระเสร็จภายใน ๗ วัน ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระเช่นนี้จะเห็นได้ว่าการที่จำเลยซื้อเชื่อยางรถไปจากบริษัทผู้ขายตามใบนำส่งสินค้าทั้ง ๒๐ ฉบับ ดังกล่าวแล้ว เป็นการซื้อเชื่อในปี พ.ศ.๒๕๑๒ ทั้งหมด และในใบนำส่งมีข้อความระบุว่าให้ผู้ซื้อเชื่อชำระราคาสินค้าให้ผู้ขายเสร็จภายใน ๓๐ วัน ดังนั้นสิทธิเรียกร้องจึงเกิดขึ้นนับจากวันถึงกำหนดชำระ คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกร้องหนี้สินที่ค้างชำระเกี่ยวกับจำเลยซื้อเชื่อยางรถ สิทธิเรียกร้องจึงมีกำหนดอายุความ ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๑) แต่ปรากฏว่าตามใบนำส่งสินค้าทุกฉบับนับจากวันถึงกำหนดชำระจนถึงวันโจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๑๕ เลยกำหนด ๒ ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความจำเลยไม่จำต้องรับผิดในมูลหนี้ที่โจทก์ฟ้อง ข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยได้ส่งยางคืนเพื่อเรียกค่าชดเชยจากโจทก์ตามข้อตกลงถึง ๙ ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๑๓ คิดเป็นเงินหักรับราคายางที่ซื้อไปถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการตกลงกันในเรื่องคุณภาพของสินค้า โดยโจทก์ยอมให้จำเลยมีสิทธิส่งยางที่ชำรุดคืนเพื่อชดเชยเป็นเงินหักกับราคายางที่จำเลยซื้อไปได้ จำเลยจะใช้สิทธิเช่นว่านั้นหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ชดเชยเป็นเงินหักกับราคายางที่จำเลยซื้อไปได้ จำเลยจะใช้สิทธิเช่นว่านั้นหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ฝ่ายจำเลย ซึ่งเป็นสิทธิของจำเลยผู้ซื้อจะเลือกปฏิบัติเท่านั้น เมื่อจำเลยคืนยางชำรุดโจทก์ก็ออกใบเครดิตโน้ทให้ซึ่งก็เป็นเพียงหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์ยินยอมชดเชยให้แก่ฝ่ายจำเลย เองและเป็นหลักฐานที่โจทก์ฝ่ายเดียวทำขึ้นเพื่อให้แก่ฝ่ายจำเลย หาใช่เป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยอันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงไม่ สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นนับแต่วันถึงกำหนดชำระแล้ว หาใช่นับแต่วันหักบัญชีราคายางดังที่โจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน