คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องประกอบด้วยคำขอท้ายฟ้อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ประเมินภาษีเงินได้ให้โจทก์ชำระเงิน 71936.10 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่เจ้าพนักงานประเมินภาษีได้ประเมินให้โจทก์ชำระภาษี 71936.10 บาท ซึ่งโจทก์ได้นำเงินไปชำระแล้วนั้นเสีย ดังนี้ ผลของคำพิพากษาในเมื่อโจทก์ชนะคดีก็คือ โจทก์ย่อมได้รับเงินที่ชำระไว้แล้วคืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 150 เกินอำนาจศาลแขวงจะพิจารณาพิพากษาได้

ย่อยาว

คดีนี้ ฟ้องโจทก์มีใจความว่า เจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ในเขตสรรพากรภาค ๑ ได้มีหมายเรียกตามประมวลรัษฎากรที่ ง.น. ๕๖/๒๔๙๑ ให้โจทก์นำเอกสารบัญชีต่าง ๆ ประจำ พ.ศ.๒๔๘๙ เพื่อทำการตรวจสอบและชี้แจง บัญชีซึ่งโจทก์ได้จัดการให้ผู้แทนนำบัญชีเอกสารไปตรวจสอบตามที่ต้องการแล้ว แต่เจ้าพนักงานประเมินภาษีได้กล่าวหาว่า โจทก์นำบัญชีเสนอให้ตรวจไม่ครบถ้วน จึงทำการประเมินภาษีเงินได้ดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๑ แห่งประมวลรัษฎากร ให้โจทก์ชำระเงิน ๗๑๙๓๖.๑๐ บาท โจทก์ได้นำเงิน ๗๑๙๓๖ บาท ๑๐ สตางค์ ไปชำระแล้ว จึงขอให้ศาลพิพากษายกคำกล่าวหาของเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ ซึ่งกล่าวหาโจทก์ว่ามิได้ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยนำบัญชีประจำ พ.ศ.๒๔๘๙ ไปเสนอเพื่อตรวจสอบไม่ครบถ้วน อันเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ตามมาตรา ๒๑ แห่งประมวลรัษฎากรให้ยกเลิกการประเมินภาษีเงินได้ของเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ตามหนังสือที่ ง.น.๔๑๘/๒๔๙๑ หรือมิฉะนั้นสั่งให้โจทก์มีสิทธิยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีเงินได้รายนี้ไปยังอธิบดีกรมสรรพากรตามบทบัญญัติแห่ประมวลรัษฎากรภายในกำหนด ๑๕ วันนับแต่วันพิพากษาเด็ดขาด
ศาลแขวงวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็๋นคดีมีทุนทรัพย์อันมีจำนวนเกินอำนาจศาลแขวง จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลแขวง ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีที่โจทก์ฟ้องประกอบด้วยคำขอท้ายฟ้องแสดงให้เห็นว่าโจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่โจทก์ต้องเสียเงินไป หรือนัยหนึ่งขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ ง.น. ๔๑๘/๒๔๙๑ ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ ประเมินให้โจทก์ชำระเงินภาษี ๗๑๙๓๖ บาท ๑๐ สตางค์ และโจทก์ในนำเงินไปชำระแล้วนั้นเสีย ผลของคำพิพากษาในเมื่อโจทก์ชนะคดีก็คือ เจ้าพนักงานไม่มีสิทธิจะยึดเงินของโจทก์ไว้ได้ หรืออีกนัยหนึ่งโจทก์ย่อมได้รับเงินคืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ คือคำนวณเป็นราคาเงินได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๕๐ ศาลแขวงยกฟ้องเสียชอบแล้ว
จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย

Share