คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5745/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 151 (เดิม) ไม่ได้กำหนดให้คืนค่าธรรมเนียมศาลในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความตามมาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 132 (1) ศาลจึงไม่อาจสั่งคืนค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้แก่ผู้ร้องได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งครั้งแรกให้คืนค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้อง 190,000 บาท จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ เมื่อศาลชั้นต้นตรวจพบเหตุผิดระเบียบดังกล่าวแม้จะเกินกว่า 8 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งครั้งแรก ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจสั่งแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามมาตรา 27

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้เงิน 74,338,394.02 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี ของต้นเงิน 23,844,769.72 บาท และอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี ของต้นเงิน 27,819.17 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 30 เมษายน 2539) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยจำเลยจะผ่อนชำระไม่น้อยกว่าเดือนละ 1,000,000 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2540 และจะชำระให้เสร็จภายใน 18 เดือน หากผิดนัดยอมให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์จนครบ ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองคือที่ดิน 16 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อนำออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินทั้ง 16 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องให้แก่โจทก์จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ร้องนำส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้แก่โจทก์ จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ปรากฏว่าส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้แก่จำเลยไม่ได้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำร้องให้แก่จำเลยใหม่โดยวิธีปิดหมาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2547 ให้ผู้ร้องคัดแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรของจำเลยเสนอต่อศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้อง
วันที่ 24 สิงหาคม 2547 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอส่งแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเพิกเฉยไม่ดำเนินการส่งแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรของจำเลยต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนด ถือว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ แต่เห็นสมควรคืนค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้อง 190,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นให้เป็นพับ ต่อมาวันที่ 9 กันยายน 2547 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้คืนค่าขึ้นศาลจำนวน 190,000 บาท แก่ผู้ร้อง และมีคำสั่งใหม่ว่าค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้คืนค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้อง 190,000 บาท แล้วมีคำสั่งใหม่ว่า ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) เป็นคำสั่งที่อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1) ด้วย แม้มาตราดังกล่าววรรคแรกจะบัญญัติให้ศาลที่มีคำสั่งจำหน่ายคดีกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควร แต่ก็เป็นเรื่องที่ให้ศาลใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะสั่งกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมหรือไม่ หากศาลจะมีคำสั่งดังกล่าว คำสั่งนั้นจะต้องไม่ขัดแย้งกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 วรรคหนึ่ง และวรรคสองเดิม อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ ซึ่งบัญญัติถึงเงื่อนไขในการคืนค่าฤชาธรรมเนียมศาลไว้โดยเฉพาะ เมื่อบทบัญญัติมาตรา 151 ดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้คืนค่าธรรมเนียมศาลในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 132 (1) ดังกล่าวข้างต้น จึงไม่อาจสั่งคืนค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้แก่ผู้ร้องได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งครั้งแรกให้คืนค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้อง 190,000 บาท จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ เมื่อศาลชั้นต้นตรวจพบเหตุผิดระเบียบดังกล่าวแม้จะเกินกว่า 8 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งครั้งแรก ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจสั่งแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่โดยให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับนั้นชอบด้วยกำหมายแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share