คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา คือฐานลักทรัพย์ ไม่มีคำขอทางแพ่ง ปนมาด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแต่ให้คืนของกลางแก่ผู้เสียหายโดยอาศัยอำนาจตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 49 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเรื่องของกลาง จำเลยยังเถียงกรรมสิทธิอยู่ ควรให้ไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง ส่วนในข้อหาฐานลักทรัพย์คงยกฟ้อง ดังนี้คดีอาญาที่ได้ฟ้อง ได้ถึงที่สุดแล้วโจทก์จำเลยจะฎีกาเฉพาะให้สั่งในเรื่องของกลาง ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๓,๒๙๔
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนธนบัตรของกลางแม้โจทก์จะมิได้มีคำขออย่างใดไว้ แต่ตามมาตรา ๔๙ ป.ม.วิ.อาญา ให้อำนาจศาลสั่งคืนของกลางแก่เจ้าของได้จึงให้คืนธนบัตรของกลางแก่ผู้เสียหาย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยยังเถียงกรรมสิทธิธนบัตรของกลางอยู่ ตามรูปคดีควรไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง จึงพิพากษาแก้เฉพาะในข้อให้คืนของกลางตามเหตุผลที่กล่าว
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย แต่ในทางอาญาโดยเฉพาะ ไม่มีคำขอทางแพ่งปนมาด้วย จึงเป็นคดีอาญาโดยไม่มีคดีแพ่งปน การที่ศาลชั้นต้นสั่งในเรื่องทรัพย์สินของกลางโดยอาศัยบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๔๙ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามรูปคดียังไม่ควรวินิจฉัยเรื่องของกลางในชั้นนี้ และคดีอาญาได้ถึงที่สุดเพียงชั้นศาลอุทธรณ์แล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะรับฎีกาของโจทก์จำเลย ซึ่งขอให้สั่งเฉพาะแต่เรื่องของกลางไว้วินิจฉัยต่อไป เพราะคดีตามฟ้องของโจทก์ได้ยุติแล้ว จึงไม่รับฎีกาโจทก์จำเลยไว้พิจารณา

Share