แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไนชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นสาลชั้นต้นเรียกสำนวนการสอบสวนมาประกอบก็ได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทฟ้องขอไห้ลงโทษจำเลยถามทำร้ายร่างกายสาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทแล้วรับประทับฟ้องฉเพาะนายสิริจำเลย ส่วนนายคลี่ให้ยกฟ้อง
โจทอุธรณ์ ขอไห้รับประทับฟ้องนายคลี่จำเลยด้วย สาลอุธรน์เห็นว่าเมื่อพิเคราะห์คำพยานโจทชั้นสอบสวนกับชั้นสาลไต่สวนมูลฟ้องดูแล้ว ก็ฟังไม่ได้ว่านายคลี่จำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจท จึงพิพากสายืน แต่มีความเห็ฯแย้งของผู้พิพากสาสาลอุธรน์ในข้อกดหมายว่า ประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา 171 ห้ามไว้ไม่ไห้สาลเรียกสำนวนการสอบสวนจากพนักงานอัยการมาประกอบคดีชั้นไต่สวนมูลฟ้อง สำหรับคดีนี้พยานชั้นสาลไต่สวนฟังได้ว่าคดีโจกมีมูล ควนแก้คำสั่งสาลชั้นต้นไห้ประทับฟ้องที่เกี่ยวกับนอยคลี่จำเลยด้วย
โจทดีกาอ้างเหตุหย่างความเห็นแย้งของผู้พิพากสาสาลอุธรณ์
สาลดีกาเห็นว่าประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความอาญามาตรา 171 ไม่ได้ห้ามไม่ไห้สาลเรียกสำนวนการสอบสวนมาประกอบการไต่สวนมูลฟ้องดังโจทดีกาที่มาตรา 171 ไม่ให้ยกมาตรา 175 (ประมวนวิธีพิจารนาความอาญา) มาอนุโลมไช้ไนการไต่สวนมูลฟ้อง หมายความแต่เพียงว่าสาลไม่ถูกจำกัดอำนาดตามมาตรานั้นเท่านั้น เพราะมาตรา 175 เปนบทจำกัดอำนาดสาลเพียงเพื่อไห้ความสดวกแก่พนักงานอัยการที่จะได้ไช้สำนวนการสอนบสวนเปนเครื่องมื่อไนการว่าความ จึงได้บัญญัติว่าสาลจะเรียกสำนวนการสอบสวนไปจากพนักงงานอัยการได้ต่อเมื่อโจทสืบพยานเส็ดแล้ว มิฉะนันสาลก็จะเรียกสำนวนการสอบสวนไปก่อนนั้นได้ตามประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา 228 เมื่อสาลไม่ถูกจำกัดตามมาตรา 175 สาลจึงไช้อำนาดตามมาตรา 228 เรียกพยานรวมทั้งสำนวนการสอบสวนมาประกอบการวินิจฉัยได้เต็มที่ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์.