คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำกรมธรรม์จำนองที่ดินมือเปล่า มีข้อสัญญาว่าจะไถ่ภายใน 3 ปี ผู้รับจำนองยึดถอทีดินที่จำนองมานาน 6 ปี ผู้จำนองจึงมาฟ้องขอไถ่ โดยอ้างว่าที่ดินอยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนองเพราะภายหลังการจำนอง ตนไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ จึงมอบที่ดินที่จำนองให้ทำต่างดอกเบี้ย ฝ่ายผู้รับจำนองต่อสู้ว่า ผูจำนองได้ตกลงในภายหลังมอบที่ที่จำนองเป็นสิทธิแก่ตนแทนต้นเงินจำนองและดอกเบี้ย กับขอเพิ่มเงินอีกจำนวนหนึ่งและตนได้ครอบครองที่นั้น ตั้งแต่นั้นตลอดมา ดังนี้ เป็นหน้าที่ผู้จำนอง โจทก์ต้องสืบให้ได้ความจริงก่อนว่าผู้รับจำนองยึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองซึ่งกฎหมายรับสันนิษฐานไว้เสีย
ถ้าโจทก์ไม่นำสืบต้องหักล้างก็ไม่มีทางชนะคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 420/2442)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเหรียญได้จำนองที่ดินพิพาทไว้แก่นายอู้ไล้ เป็นเงิน ๓๖๐ บาท มีกำหนดไถ่ถอนภายใน ๓ ปี ทำสัญญากันต่อคณะกรรมการอำเภอ นายเหรียญตายมา ๖ ปี เศษแล้ว โจทก์เป็นผู้รับมรดก นายอู้ไล้ตายมาประมาณ ๘ ปีจำเลยเป็นผู้รับมรดก นายเหรียญส่งดอกเบี้ยตลอดเวลามาจนถึงแก่ความตาย โจทก์ไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ จึงมอบที่ดินพิพาทให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย บัดนี้ขอไล่ จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้รับไถ่ถอน
จำเลยต่อสู้ว่า ภายหลังโจทก์จำเลยและนายเหรียญตกลงกัน คือโจทก์ยอมยกที่พิพาทให้เป็นสิทธิแก่จำเลยแทนต้นเงินจำนองและดอกเบี้ยที่ค้างชำระ กับขอเพิ่มเงินอีก ๙๐ บาท ตั้งแต่นั้นมา จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับการไถ่ถอนและคืนที่ให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในขณะที่พิพาทกันนี้ จำเลยเป็นฝ่ายยึดถือปกครองที่ดินพิพาทอยู่ ซึ่งผิดแยกไปจากระเบียบวิธีจำนองที่ดินติดต่อกัน โจทก์กล่าวอ้างว่าได้มอบที่ดินพิพาทให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย ข้อนี้โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความจริงก่อนว่า จึงจะหักล้างข้อที่จำเลยยึดถือครอบครองที่พิพาทมา ซึ่ง ก.ม.ให้สันนิษฐานว่ายึดถือครอบครองเพื่อตนนั้นเสีย แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบหักล้าง จึงไม่มีทางชนะคดีจำเลยได้ ตามแบบอย่างฎีกาที่ ๔๒๐/๒๔๙๒
จึงพิพากษายืน

Share