แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่2และที่3กับจำเลยที่4จ้างจำเลยที่1ต่อเติมอาคารของจำเลยที่2ซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยที่3และอาคารของจำเลยที่4ทำให้อาคารโจทก์ได้รับความเสียหายโดยจำเลยที่2ที่3และที่4เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำประกอบกับไม่ปรากฎแน่ชัดว่าความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นเพราะการกระทำของจำเลยคนใดจำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา428และมาตรา432วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถว 3 ชั้นห้องเลขที่ 57/4 ซึ่งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 10679 เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2533 จำเลยที่ 1 ได้รับจ้างจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ทำการต่อเติมตึกแถวห้องเลขที่ 57/3 ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์จำเลยที่ 2และอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 3 กับตึกแถวห้องเลขที่ 57/5ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 4 ตึกแถวทั้งสองห้องดังกล่าวอยู่ขนาบข้างตึกแถวห้องของโจทก์ จำเลยที่ 1 ต่อเติมตึกแถวทั้งสองห้องดังกล่าวโดยเพิ่มชั้นของตึกแถวโดยมิได้ทำฐานรากรองรับส่วนที่ต่อเติม ทำให้ตึกแถวห้องของโจทก์ทรุดตัวและแตกร้าวหากปล่อยไว้หรือมีการต่อเติมเพิ่มชั้นต่อไป จะทำให้ตึกแถวห้องของโจทก์แตกร้าวเพิ่มขึ้นและจะทำให้พังทลายลงมาได้ในอนาคตต้องซ่อมแซมคิดเป็นเงิน 481,591 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่รื้อถอนตึกแถวที่ต่อเติมเพิ่มชั้นทั้งหมด และร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 481,591 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ผู้รับจ้างได้กระทำตามคำสั่งนายจ้างโดยมิได้กระทำนอกเหนือไปจากคำสั่งของนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดในความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างการทำงานที่ว่าจ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 400,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 7 กันยายน 2533)จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รื้อถอนตึกแถวห้องเลขที่ 57/3 และให้จำเลยที่ 4 รื้อถอนตึกแถวห้องเลขที่ 57/5ตรอกวัดบรมนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครส่วนที่ต่อเติมตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปทั้งหมดภายใน 30 วัน
จำเลย ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สี่ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสี่เป็นข้อต่อไปว่าจำเลยคนใดเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายและจำต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่ โจทก์มีนายสุวิทย์ เจตนาเชี่ยวชาญกิจ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จ้างให้จำเลยที่ 1 ต่อเติมตึกแถวห้องเลขที่ 57/3 และ 57/5 เพื่อให้เป็นอาคาร 5 ชั้น เมื่อจำเลยที่ 1 สร้างเพิ่มเติมเป็น 3 ชั้น ทำให้คานบ้านชั้น 2ของโจทก์ร้าว และเมื่อก่อสร้างจนถึงชั้น 4 คานบ้านชั้นบนสุดของโจทก์ร้าว พยานจึงได้ให้วิศวกรมาตรวจสอบความเสียหายปรากฎว่าอาคารของโจทก์ทรุดลงไปเรื่อย ๆ เพราะฐานรากรับน้ำหนักไว้ไม่ได้ตามเอกสารหมาย จ.17 และภาพถ่ายหมาย จ.20วิศวกรให้ความเห็นว่า ถ้าจำเลยรื้ออาคารส่วนที่ต่อเติมออกแล้วอาคารของโจทก์จะต้องซ่อมคิดเป็นเงิน 481,591 บาท ตามเอกสารหมาย จ.16 หลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว ปรากฎว่าอาคารของโจทก์ทรุดลงไปประมาณ 20 มิลลิเมตร รอยแตกร้าวขยายกว้างขึ้น และโจทก์มีนายวิวัฒน์ เกิดลาภ ซึ่งเป็นวิศวกรเบิกความว่าเหตุที่อาคารโจทก์แตกร้าวเข้าใจว่าเนื่องจากการต่อเติมอาคารทั้งสองข้าง พยานได้บันทึกเกี่ยวกับการไปตรวจสอบอาคารไว้ตามเอกสารหมาย จ.17 และ จ.24 ในช่วงหลังพยานได้วัดการทรุดของตัวอาคาร ปรากฎว่าอาคารทรุดลงประมาณ 22 มิลลิเมตร และโจทก์ยังมีนายธีวัฒน์ วิธิเสถียร (ที่ถูกเป็นนายจิรวัฒน์ วิฑิตเสถียร)เบิกความว่า พยานเป็นผู้ประเมินความเสียหายในการซ่อมแซมตัวอาคารตามรายละเอียดเอกสารหมาย จ.16 เป็นเงิน 481,591 บาทหากจะแก้ไขความเสียหายในอาคารเลขที่ 57/4 ต้องทุบอาคารส่วนที่ต่อเติมอาคารข้างเคียงทั้งสอง นอกจากนั้นยังมีนายปรีชา ศิรภค หัวหน้างานโยธาเขตปทุมวันเบิกความว่า เขตปทุมวันได้มีคำสั่งระงับการก่อสร้างอาคารตึกแถวห้องเลขที่ 57/3 และ57/5 และมีคำสั่งห้ามใช้อาคารตึกแถวห้องเลขที่ 57/5 57/4 และ57/3 ตามเอกสารหมาย จ.25, จ.26 และ จ.27 เห็นว่าทางสำนักงานเขตปทุมวันได้มีคำสั่งห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารตึกแถวห้องเลขที่ 57/5, 57/4 และ 57/3 เนื่องจากอาคารทรุดและแตกร้าว แสดงว่าอาคารตึกแถวของโจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า โจทก์ทุบส่วนที่ต่อเติมพื้นชั้นสองทิ้งทำให้ตึกกระทบกระเทือนและร้าวได้นั้นก็ขัดต่อเหตุผลเนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างต่อเติมเพิ่มชั้นตึกแถวห้องเลขที่ 57/3 และ 57/5 ซึ่งอยู่ขนาบตึกแถวห้องของโจทก์โดยห้องเลขที่ 57/3 เพิ่มเป็น 5 ชั้น และห้องเลขที่ 57/5 เพิ่มเป็น 4 ชั้น ทำให้ฐานรากของตึกแถวห้องของโจทก์ต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากจนเป็นเหตุให้ทรุดและเกิดรอยร้าวที่คานชั้นดาดฟ้าคานชั้นสามและคานชั้นสองบริเวณชานพักบันไดบางส่วน การที่โจทก์ทุบส่วนที่ต่อเติมทิ้ง จึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้อาคารของโจทก์ทรุดแต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3กับจำเลยที่ 4 จ้าง จำเลยที่ 1 ต่อเติมอาคาร ทำให้อาคารโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำเพราะเป็นการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการประกอบกับไม่ปรากฎแน่ชัดว่าความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นเพราะการกระทำของจำเลยคนใด จำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 และมาตรา 432 วรรคหนึ่ง”
พิพากษายืน