คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5796/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทจำเลยได้ขายให้แก่ธ.และส.ไปแล้ว และตามคำขอท้ายคำฟ้อง โจทก์ได้ขอให้ศาลพิพากษายกคำวินิจฉัยและมติที่ประชุม คชก.จังหวัดนครปฐม และให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับธ.และส.โดยโจทก์มิได้ฟ้องผู้ที่เป็นคณะกรรมการ คชก. จังหวัดนครปฐมธ.และส.เป็นจำเลยด้วย คำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์เป็นการขอให้ศาลมีคำพิพากษาไปใช้บังคับกับบุคคลภายนอกด้วย ศาลไม่สามารถพิพากษาบังคับตามคำขอท้ายคำฟ้องได้ คำฟ้องโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะรับไว้พิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าที่ดินพิพาทของจำเลยทำนามากว่า20 ปีแล้ว ต่อมาจำเลยได้ขายที่ดินนั้นให้แก่ธ.และ ส.โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบลไทรงามหรือ คชก.ตำบลไทรงาม แต่ คชก.ตำบลไทรงามได้ยกคำร้องของโจทก์ โจทก์จึงอุทธรณ์ไปยัง คชก.จังหวัดนครปฐม คชก.จังหวัดนครปฐมมีมติยกอุทธรณ์โจทก์ การที่จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปขายให้แก่ผู้อื่นจึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 และคชก.จังหวัดนครปฐมวินิจฉัยไปโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ขอให้ยกคำวินิจฉัยและมติที่ประชุม คชก.จังหวัดนครปฐม ครั้งที่ 2/2532เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2532 ในระเบียบวาระที่ 5 ของการประชุมและให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับธ.และส.
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า เดิมจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำเลยขายที่ดินพิพาทให้แก่ ธ.และส.โดยดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากคำวินิจฉัยตามคำขอท้ายฟ้อง โจทก์ข้อ 1ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยและปัจจุบันกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่ใช่ของจำเลย โจทก์ต้องขอซื้อจากผู้รับโอน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องของโจทก์นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินพิพาทจำเลยได้ขายให้แก่ ธ.และ ส.ไปแล้ว และตามคำขอท้ายคำฟ้อง โจทก์ได้ขอให้ศาลพิพากษายกคำวินิจฉัยและมติที่ประชุมคชก.จังหวัดนครปฐม ครั้งที่ 2/2532 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2532 ในระเบียบวาระที่ 5 ของการประชุม และให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับธ.และ ส. โดยที่โจทก์มิได้ฟ้องผู้ที่เป็นคณะกรรมการ คชก.จังหวัดนครปฐม เป็นจำเลยด้วย คำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำพิพากษาไปใช้บังคับกับบุคคลภายนอกคดีด้วย ศาลไม่สามารถพิพากษาบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะรับไว้พิจารณา ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยเนื้อหาตามฎีกาโจทก์อีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share