คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์หลังจากจำเลยยื่นอุทธรณ์แล้วถึง 2 วัน และในการสั่งรับอุทธรณ์ศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้แจ้งคำสั่งให้จำเลยทราบ ทั้งศาลชั้นต้นยังให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ภายใน 15 วันนับแต่วันสั่ง (แม้ตอนท้ายอุทธรณ์มีข้อความว่าข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว) เมื่อจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้น การที่จำเลยมิได้นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมไม่เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันจะถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสี่ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1590 เล่ม 16 ข.หน้า 40 เลขที่ดิน 352 ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชคืนแก่โจทก์ที่ 1 หากจำเลยไม่คืนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หรือหากจำเลยโอนที่ดินพิพาทไปให้ตนเองหรือผู้อื่นทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วนแล้วให้จำเลยชดใช้ราคาที่ดินแทนเป็นเงิน 2,700,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 และให้จำเลยส่งตราสำคัญของบริษัทโจทก์ที่ 1 คืนโจทก์ที่ 1 จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

ในระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ ให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาแล้วจำเลยไม่ได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสี่ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้รวบรวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพื่อพิจารณาสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาแล้ว เห็นว่า จำเลยทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 8

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2541ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2541 ว่า รับอุทธรณ์ สำเนาให้โจทก์ทั้งสี่ให้จำเลยนำส่งภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ ไม่มีผู้รับให้ปิด มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ดังนี้ แสดงว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์หลังจากจำเลยยื่นอุทธรณ์แล้วถึง 2 วัน และในการสั่งรับอุทธรณ์ศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้แจ้งคำสั่งให้จำเลยทราบ ทั้งศาลชั้นต้นยังสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ภายใน 15 วัน นับแต่วันสั่งคือวันที่ 9 ตุลาคม 2541 อีกด้วยแม้ตอนท้ายอุทธรณ์จะมีข้อความว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบคำสั่ง เมื่อจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้น การที่จำเลยมิได้นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมไม่เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันจะถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ถือว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้ศาลชั้นต้นแจ้งจำเลยให้จัดการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ทั้งสี่แล้วดำเนินการต่อไปส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่

Share