แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าเมื่อ พ.ศ.2483 โจทก์ได้ให้จำเลยอาศัยนาของโจทก์ตามแผนที่ท้ายฟ้องราคา 2,000 บาท อยู่ที่ตำบลปากแตระ ฯลฯ ทำกินจนตลอดชีวิต มาถึงเวลานี้ได้ 8-9 ปี จำเลยกลับแย่งกรรมสิทธิ์เอาที่ดินของโจทก์เสียโดยยกที่พิพาทให้บุตรจำเลย เป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2483 โจทก์ได้ให้จำเลยอาศัยนาของโจทก์ตามแผนที่ท้ายฟ้องราคา 2,000 บาท อยู่ที่ตำบลปากแตระ ฯลฯ ทำกินจนตลอดชีวิต มาถึงเวลานี้ได้ 8-9 ปีจำเลยกลับแย่งกรรมสิทธิเอาที่ดินของโจทก์เสีย โดยยกที่พิพาทให้บุตรจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยและว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม กับต่อสู้อื่น ๆหลายประการ
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัย ให้ขับไล่จำเลย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน