คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5780-5781/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ของจำเลย แต่ฎีกาของจำเลยกลับอ้างแต่เหตุอันควรเพิกถอนการขายทอดตลาดว่าราคาต่ำไป และมีคำขอท้ายฎีกาขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเท่านั้น จำเลยหาได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงในฎีกาเพื่อคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ไม่ ฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 69,733 บาท และให้ใช้เงินแก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 จำนวน 82,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยทั้งห้าไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาด นางอรุณรัตน์ อึ้งโสภาพงษ์ประมูลให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน 160,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอนุญาตให้ขายที่ดินดังกล่าวแก่นางอรุณรัตน์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว โดยอ้างว่าราคาที่ขายต่ำไป
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ทั้งสองสำนวน และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้งดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยที่ 2 ที่ขายทอดตลาดไปแล้วให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 ฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่ยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 แต่ฎีกาของจำเลยที่ 2 กลับอ้างแต่เหตุอันควรเพิกถอนการขายทอดตลาดว่าราคาต่ำไป และมีคำขอท้ายฎีกาขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเท่านั้น จำเลยที่ 2 หาได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงในฎีกาเพื่อคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1ที่ยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 2 ทั้งสองสำนวน

Share