แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 ได้กำหนดเวลาไว้ให้ผู้ต้องเสียภาษีอุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับแจ้งการประเมิน เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยสั่งยกอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่า มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ผู้ต้องเสียภาษีไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยในข้อนี้ต่อศาล ก็ไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาชี้ขาดว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ฯ ที่ให้ยกอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนดเวลานั้นไม่ชอบ เพราะผู้ต้องเสียภาษีหมดสิทธิโต้แย้งเสียแล้ว และแม้คณะกรรมฯ ได้วินิจฉัยว่าไว้ด้วยว่า การประเมินของเจ้าพนักงานชอบด้วยกฎหมายและระเบียบการแล้ว ผู้ต้องเสียภาษีก็หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อไปได้(อ้างนัยฎีกาที่ 810/2505)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัด ใน พ.ศ.๒๕๐๓ โจทก์มีกำไรสุทธิ ๘๓๗,๔๘๓.๙๐ บาท เสียภาษีเงินได้แล้ว ๑๔๒,๔๙๖.๗๘ บาท ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินแจ้งให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มและเงินเพิ่ม รวม ๑๒๔,๙๔๗.๘๔ บาท โจทก์อุทธรร์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วยจำเลยทั้ง ๓ จำเลยทั้งสามยกอุทธรณ์โจทก์ซึ่งไม่ตรงความจริง โจทก์มีกำไรสุทธิเท่าที่เสียภาษีแล้ว ขอให้เพิกถอนคำสั่งและพิพากษาว่าโจทก์ไม่ต้องเสียค่าภาษีเพิ่ม
จำเลยทั้ง ๓ ให้การว่า โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด ๓๐ วัน นับแต่ได้รับแจ้งการประเมินตามเอกสารท้ายคำให้การ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่า ผู้ยื่นอุทธรณ์มิได้ยื่นอุทธรณ์ในเวลากฎหมายกำหนด เป็นยุติแล้ว ฯลฯ
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านเอกสารใบรับแจ้งการประเมินท้ายคำให้การจำเลยโดยปฏิเสธว่าไม่ได้รับ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลรัษฎากรมาตรา ๓๐ กำหนดเวลาให้ผู้ต้องเสียภาษีอุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน เรื่องนี้ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยสั่งยกอุทธรณ์โจทก์ โดยอ้างเหตุว่าโจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแต่ตามฟ้องโจทก์มิได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยข้อนี้ต่อศาล ก็ไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาชี้ขาดว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนดเวลานั้นไม่ชอบ แม้โจทก์ได้โต้แย้งหลักฐานของฝ่ายจำเลยที่ยื่นในภายหลัง ก็ไม่ทำให้มีประเด็นขึ้นใหม่ว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนดหรือไม่ เพราะโจทก์หมดสิทธิโต้แย้งแล้ว ส่วนข้อที่โจทก์อุทธรณ์(ฟ้อง)ต่อศาลว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า เมื่อคณะกรรมการฯ ยกอุทธรณ์โจทก์เพราะเหตุยื่นเกินกำหนดและโจทก์มิได้อุทธรณ์แล้ว ที่คณะกรรมการฯ วินิจฉัยไว้ด้วยว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินชอบด้วยกฎหมายและระเบียบการแล้ว นั้น การประเมินจะชอบหรือไม่ชอบ จะถูกต้องหรือไม่อย่างไร ก็ไม่ทำให้คำชี้ขาดของคณะกรรมการ ฯ ที่ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ เพราะเหตุยื่นเกินกำหนดเวลาแล้วมีผลเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โจทก์หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อไปได้ เทียบนัยฎีกาที่ ๘๑๐/๒๕๐๕ พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น