คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ลงจากรถไปคนเดียวและเข้าไปคุยกับสายลับในบ้านเป็นเวลานานพอสมควร แล้วเดินออกมาเอาห่อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 ที่นั่งรออยู่ในรถ จากนั้นเดินเข้าไปหาสายลับในบ้านเพียงคนเดียวโดยจำเลยอื่นมิได้เข้าไปด้วย เช่นนี้ก็เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าตนไม่รู้ว่าภายในห่อเป็นเมทแอมเฟตามีนหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกับจำเลยที่ 2และจำเลยที่ 3 ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1จำนวน 5,200 เม็ด (26 ถุง) น้ำหนักรวม 468.801 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 3, 4, 10 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 83 และริบเมทแอมเฟตามีนขอกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ต่อมาระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 3 ให้การรับว่า มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง แต่มิได้มีไว้เพื่อจำหน่ายตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกคนละ 50 ปี จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสามเท่าแต่ตามบทบัญญัติมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดโทษจำคุกที่จะลงโทษได้ไม่เกิน 50 ปี จึงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 50 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 26 ปี 8 เดือน สำหรับจำเลยที่ 3 ให้การรับว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 26 ปี 8 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม2539 เวลาประมาณ 12 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสามพร้อมเมทแอมเฟตามีน 5,200 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 78.149 กรัม เป็นของกลางมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นข้อแรกว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ พยานโจทก์คือร้อยตำรวจโทสุรินทร์ ทับซ้อน และจ่าสิบตำรวจชวฤทธิ์ กือเย็น เบิกความว่าขณะแอบซุ่มดูอยู่ เห็นจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะมาจอดที่หน้าบ้านสายลับจำเลยที่ 2 ซึ่งนั่งที่เบาะข้างคนขับได้ลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านสายลับพูดคุยกับสายลับในบ้านประมาณ 15 นาที แล้วเดินออกจากบ้านไปที่รถด้านคนขับ จำเลยที่ 1 ได้หมุนกระจกด้านข้างของรถลงแล้วยื่นห่อพลาสติกห่อหนึ่งให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 นำห่อพลาสติกเข้าไปหาสายลับในบ้านจากนั้นสายลับกับจำเลยที่ 2 เข้าไปในห้องกระจกซึ่งจ่าสิบตำรวจชวฤทธิ์ซุ่มดูอยู่จ่าสิบตำรวจชวฤทธิ์จึงควบคุมจำเลยที่ 2 พร้อมด้วยห่อพลาสติกซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนบรรจุอยู่ เห็นว่า พยานทั้งสองเบิกความสอดคล้องต้องกันและเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 2 พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ตามคำพยานโจทก์ดังกล่าวเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 ไม่เห็นว่าสิ่งของในห่อเป็นเมทแอมเฟตามีนและจำเลยที่ 2 มิได้เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จึงไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 จะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่ายนั้น เห็นว่า แม้จำเลยที่ 2 จะไม่เห็นสิ่งของในห่อและมิได้เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 แต่จากพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ลงจากรถไปคนเดียวและเข้าไปคุยกับสายลับในบ้านเป็นเวลานานพอสมควร แล้วเดินออกมาเอาห่อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 จากนั้นเดินเข้าไปหาสายลับในบ้านเพียงคนเดียวโดยจำเลยอื่นมิได้เข้าไปด้วยเช่นนี้ก็เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 2 ต้องรู้ว่าภายในห่อเป็นเมทแอมเฟตามีน ฎีกาของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาข้อที่สองที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โทษที่ลงแก่จำเลยที่ 2 หนักมากเมื่อเทียบกับโทษตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3842/2541 นั้น เห็นว่า ในคดีดังกล่าวจำนวนเมทแอมเฟตามีน 3,900 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 64.7 กรัม แต่คดีนี้จำนวนเมทแอมเฟตามีนมีมากถึง 5,200 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 78.149 กรัม ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 2 มาเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยที่ 2 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share