คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมจะต้องรับผิดในกิจการที่ได้กระทำร่วมกัน การที่จำเลยที่ 2 ไปติดต่อขอให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว โดยจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมและยอมรับเอาผลตามที่จำเลยที่ 2 ไปติดต่อให้โจทก์เป็นนายหน้า จนในที่สุดจำเลยที่ 1 ก็ได้ขายที่ดินให้บุคคลอื่นสมดังความตั้งใจ ทั้งนี้ ก็เนื่องจากผลแห่งการที่โจทก์เป็นผู้ติดต่อชี้ช่องให้ได้ทำสัญญากันนั่นเอง ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชอบต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ตกลงด้วยวาจาให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินโฉนดที่ ๑๕๙๗ ของจำเลยให้แก่ผู้อื่นโดยสัญญาจะให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ร้อยละ ๕ ของราคาที่ขายได้ โจทก์ได้กระทำการเป็นนายหน้าชี้ช่องให้จำเลยและนางจรวยศรี ตัณฑโอภาส ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวคิดเป็นเงิน ๑๗๕,๕๐๐ บาท โจทก์ควรได้รับค่านายหน้าเป็นเงิน ๘,๗๗๕ บาท จำเลยไม่ยอมชำระให้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงมอบให้โจทก์เป็นนายหน้า ที่ดินแปลงนี้มีชื่อจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ติดต่อขายที่ดินดังกล่าวให้นางจรวยศรีโดยตรง โจทก์ไม่ได้เป็นนายหน้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่านายหน้า เป็นเงิน ๘,๗๗๕ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ไปพูดจาตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินดังกล่าว โดยจะให้ค่านายหน้าร้อยละห้าของราคาที่ซื้อขายกัน โจทก์ได้ติดต่อกับนางจรวยศรีชี้ช่องให้จำเลยและนางจรวยศรีได้ทำสัญญาซื้อขายกันจนเป็นผลสำเร็จสมความตั้งใจของจำเลย ฉะนั้น จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดชำระค่านายหน้าให้โจทก์ตามที่ตกลงกัน
คดีมีปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว และเป็นผู้ทำสัญญาขายที่ดินนั้นให้นางจรวยศรี โดยจำเลยที่ ๑ มิได้พูดจาตกลงกับโจทก์ในเรื่องค่านายหน้า เช่นนี้ จำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมจะต้องรับผิดในกิจการที่ได้กระทำร่วมกัน เฉพาะกรณีนี้ฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยที่ ๒ ไปติดต่อขอให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินดังกล่าว โดยจำเลยที่ ๑ รู้เห็นยินยอมและยอมรับเอาผลตามที่จำเลยที่ ๒ ไปติดต่อให้โจทก์เป็นนายหน้า จนในที่สุดจำเลยที่ ๑ ก็ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้นางจรวยศรีสมความตั้งใจ ทั้งนี้ ก็เนื่องจากผลแห่งการที่โจทก์เป็นผู้ติดต่อชี้ช่องให้ได้ทำสัญญากันนั่นเอง ฉะนั้น จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ด้วย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ.

Share