แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยไม่มาศาลในวันพิจารณา ซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ศาลจำหน่ายคดี โจทก์ได้แต่ฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 วรรค 2 โจทก์ขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีและยกคำร้องที่โจทก์ขอให้พิจารณาใหม่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามสำนวนปรากฏว่าจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 6 ตุลาคม 2521 เวลา 9 นาฬิกาจำเลยมาศาลตามนัด แต่ทนายโจทก์มอบฉันทะให้ผู้อื่นมายื่นคำร้องขอเลื่อนศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่ 24 พฤศจิกายน 2521 เวลา 9 นาฬิกาถึงวันนัดทนายโจทก์มาศาล ทนายจำเลยมอบฉันทะให้ผู้อื่นมายื่นคำร้องขอเลื่อนศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่ 15 มกราคม 2522 เวลา 9 นาฬิกา ทนายโจทก์และผู้รับมอบฉันทะจากทนาย จำเลยลงชื่อทราบวันนัดในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อถึงวันนัด คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มาศาลตามกำหนด ศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาเวลา 10 นาฬิกา 30 นาที มีคำสั่งว่าโจทก์จำเลยขาดนัดพิจารณาให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ในวันเดียวกันนี้ทนายโจทก์ยื่นคำร้องโดยเจ้าหน้าที่ศาลประทับตรารับไว้ลงเวลา 16 นาฬิกาว่า ทนายโจทก์กลับจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีรถยนต์เสียระหว่างทางจึงมาศาลไม่ทันตามกำหนด ขอให้สืบพยานจำเลยต่อไป และโจทก์ยื่นคำร้องไม่ได้ลงวันที่ เดือนมกราคม 2522 ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลประทับตรารับไว้ในวันที่ 22 มกราคม 2522 ว่าไม่ได้จงใจขาดนัด เหตุที่ทนายโจทก์ไม่ได้มาศาลเพราะไปธุระเกี่ยวกับคดีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างเดินทางกลับรถยนต์เสีย เมื่อมาถึงก็ยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องทั้งสองฉบับ โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 30 มกราคม 2521 (ที่ถูกเป็น 2522)ว่า โจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเหตุที่ไม่อาจมาศาลได้ทันตามกำหนดนัดเกิดจากเหตุสุดวิสัยเพราะรถยนต์ที่โจทก์โดยสารมาเสีย คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีเป็นคำสั่งโดยหลงผิดและผิดระเบียบ ขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นส่งว่าโจทก์จะขอให้พิจารณาใหม่หรือเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีซึ่งสั่งโดยชอบแล้วไม่ได้ ไม่จำต้องไต่สวน ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
คดีมีปัญหาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่า คู่ความขาดนัดพิจารณาจำหน่ายคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และโจทก์ขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยาน จำเลยครั้งแรกโจทก์ขอเลื่อนครั้งที่สองจำเลยขอเลื่อน ศาลชั้นต้นอนุญาตและเลื่อนไปสืบพยนจำเลยครั้งที่สามวันที่ 15 มกราคม 2522 เวลา 9 นาฬิกา ในวันนัดดังกล่าวนี้เป็นวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน จึงเป็นวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1(10) ถ้าคู่ความฝ่ายใดไม่มาศาลในวันสืบพยานโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องเสียก่อนลงมือสืบพยาน คู่ความฝ่ายนั้นก็ขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 197 วรรคสอง เมื่อปรากฏว่าโจทก์และจำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาลตามกำหนดนัดทั้งสองฝ่ายโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลคู่ความทั้งสองฝ่ายจึงขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 200 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์และจำเลยขาดนัดพิจารณา จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้ว ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบอันจะเพิกถอนเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ตามคำร้องโจทก์ลงวันที่ 15 มกราคม 2522 ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยใหม่ คำร้องฉบับที่เจ้าหน้าที่ศาลรับไว้ในวันที่ 22 มกราคม2522 ว่า ทนายโจทก์เดินทางกลับจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี รถยนต์ที่โดยสารมาเสียจึงมาศาลไม่ทันตามกำหนดนัด ไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้พิจารณาใหม่ และคำร้องลงวันที่ 30 มกราคม 2522 ขอให้ไต่สวนเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและให้พิจารณาใหม่นั้น คำร้องทั้งสามฉบับเป็นการขอให้พิจารณาใหม่ ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสองบัญญัติว่า ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวถ้าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดที่มาศาลภายหลังที่ได้เริ่มต้นสืบพยานไปบ้างแล้วและศาลเห็นว่าการขาดนัดนั้นมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุสมควร ให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ เป็นกรณีที่โจทก์หรือจำเลยแต่ฝ่ายเดียวขาดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือมาตรา 202 ตามลำดับ ขอให้พิจารณาใหม่ และตามมาตรา 207 บัญญัติว่า ถ้าคู่ความฝ่ายใดซึ่งศาลแสดงว่าขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท คู่ความฝ่ายนั้นอาจมีคำขอให้พิจารณาใหม่ เป็นกรณีที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 หรือจำเลยขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 202 และศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท มีคำขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้ ส่วนคดีนี้ทั้งโจทก์และจำเลยขาดนัดพิจารณาไม่มีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว และศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดี ไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้โจทก์แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท โจทก์จึงขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 หรือ 207 ไม่ได้ โจทก์คงมีสิทธิที่จะเสนอคำฟ้องของตนใหม่ตามมาตรา 200 วรรคสองเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องโจทก์ทั้งสามฉบับดังกล่าวแล้ว โดยไม่ไต่สวน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน