คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5740/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนและเงินค่าทดแทนสำหรับที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลงนั้น เป็นการชดเชยความเสียหายอันเนื่องมาจากการบังคับเอาที่ดินมาจากเจ้าของที่ดินและเป็นการชดเชยความเสียหาย อันเนื่องมากจากที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนราคาลดลงตามลำดับผู้ที่ถูกบังคับเอาที่ดินไป และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลงคือเจ้าของที่ดิน โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 ซึ่งอ้างว่าได้ชำระเงินที่จะซื้อจะขายที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่โจทก์ที่ 1 ไปก่อนบางส่วน และได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่ถูกเวนคืนแล้วนั้นยังไม่ได้เป็นเจ้าของหรือเจ้าของร่วมในที่ดินที่ถูกเวนคืน และไม่ได้โต้แย้งสิทธิความเป็นเจ้าของที่ดินในที่ดินที่ถูกเวนคืนของโจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นและเงินค่าทดแทนสำหรับที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลง
ผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนสำหรับความเสียหายเนื่องจากการที่ต้องออกจากอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนตาม พรบว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 21 วรรคท้าย นั้น ต้องเป็นผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายที่อยู่อาศัยหรือประกอบการค้าขายหรือการงานอันชอบด้วยกฎหมายอยู่ในอสังหาริมทรัพย์นั้น แต่ขณะที่พระราชกฤษฎีกาฯ มีผลใช้บังคับที่ดินที่ถูกเวนคืนยังเป็นที่ดินว่างเปล่า โจทก์ที่ 2 ยังมิได้อยู่อาศัยหรือประกอบการค้าขายหรือการงานอันชอบด้วยกฎหมายอยู่ในที่ดินที่เวนคืน จึงไม่ใช่บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ต้องออกจากที่ดินทั้งสี่แปลงที่ถูกเวนคืนที่จะมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา 21 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืน ๑๑๘,๗๐๓,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ทั้งสอง และร่วมกันชำระเงิน ๖๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๘.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๗ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า… ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน ๑๗,๗๕๙,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสิน แต่ไม่เกินร้อยละ ๘.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๗ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ ๑ และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ ๑ และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ ๑ โดยกำหนดค่าทนายความ ๕๐,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๒ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ที่ ๒ กับจำเลยทั้งสี่ให้เป็นพับ คำขออื่นของโจทก์ที่ ๑ นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน ๑๒,๒๕๗,๒๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า… พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้กำหนดบุคคลผู้ที่จะมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนอันเนื่องจากการดำเนินการเพื่อเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไว้ในมาตรา ๑๘ (๑) ถึง (๖) การดำเนินการเพื่อเวนคืนอสังหาริมทรัพย์รายการเดียวก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลหลายฝ่ายได้ อันเป็นเหตุให้เกิดสิทธิแก่บุคคลหลายคนที่จะได้รับเงินค่าทดแทนแยกต่างหากจากกันได้ สำหรับเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนและเงินค่าทดแทนสำหรับที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลงนี้เป็นการชดเชยความเสียหายอันเนื่องมาจากการบังคับเอาที่ดินมาจากเจ้าของที่ดินเป็นการชดเชยความเสียหายอันเนื่องมาจากที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลงตามลำดับผู้ที่ถูกบังคับเอาที่ดินไปและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลง คือเจ้าของที่ดิน ซึ่งกรณีนี้คือโจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๒ ยังไม่ได้เป็นเจ้าของหรือเจ้าของร่วมในที่ดินที่ถูกเวนคืนทั้งสี่แปลง และไม่ได้โต้แย้งสิทธิดังกล่าวของโจทก์ที่ ๑ จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นและเงินค่าทดแทนสำหรับที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนอันราคาลดลง ส่วนค่าเสียหายที่ไม่อาจทำประโยชน์หรือทำโครงการทางธุรกิจของโจทก์ที่ ๒ อันเนื่อง มาจากการที่ที่ดินทั้งสี่แปลงถูกเวนคืนนั้น เห็นว่า ผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนสำหรับความเสียหายเนื่องจากการที่ต้องออกจากอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนนั้นและบุคคลดังกล่าวได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ต้องออกจากอสังหาริมทรัพย์นั้น ต่อขณะที่พระราชกฤษฎีกาฯมีผลใช้บังคับที่ดินทั้งสี่แปลงที่ถูกเวนคืนยังเป็นที่ดินว่างเปล่าระดับต่ำกว่าถนนประมาณ ๑ เมตร ถึง ๑.๕ เมตร ตามรายงานการประเมินเอกสารหมาย จ.๒๑ ถึง จ.๒๕ โจทก์ที่ ๒ ยังมิได้อยู่อาศัยหรือประกอบการค้าขายหรือการงานอันชอบด้วยกฎหมายอยู่ในที่ดินทั้งสี่แปลงที่ต้องถูกเวนคืน จึงไม่ใช่บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ต้องออกจากที่ดินทั้งสี่แปลงที่ถูกเวนคืน ที่จะมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๒๑ วรรคท้าย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ ๒ นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาข้อนี้ของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นจากคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯกำหนดอีก ๒๐,๐๙๐,๒๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามอัตราและวันที่ศาลอุทธรณ์กำหนด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ ๑ โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๒๐,๐๐๐ บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีการะหว่างโจทก์ที่ ๒ กับจำเลยทั้งสี่ให้เป็นพับ

Share