แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินบางส่วนของโจทก์เพื่อปลูกบ้านขอให้รื้อถอนออกไปจากที่ดินของโจทก์ย่อมมีความหมายว่าขอให้ ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าแม้จำเลยให้การว่ามีสิทธิครอบครองเกินส่วนที่เช่าเพื่อปลูกบ้านแต่จำเลยมิได้ ฟ้องแย้งไว้ดังนั้นจึงพิพาทกันเฉพาะที่ดินที่จำเลยเช่าเพื่อปลูกบ้านเท่านั้นเมื่อที่ดินดังกล่าวมีราคาพิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทในชั้นอุทธรณ์คู่ความจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ใน ปัญหาข้อเท็จจริง ศาลพิพากษาให้จำเลยออกไปจากที่ดินเกินส่วนที่พิพาทจึงเป็นการพิพากษาเกินกว่าที่ปรากฏในฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ครอบครอง ที่ดินเนื้อที่ 11 ไร่ เศษ จำเลย ทำ สัญญาเช่า ที่ดิน ดังกล่าว เนื้อที่30 ตารางวา จาก โจทก์ เพื่อ ปลูก บ้าน มี กำหนด 3 ปี แล้ว จำเลย ได้ปลูกสร้าง บ้าน เลขที่ 16/4 บน ที่ เช่า และ อาศัย อยู่ ใน บ้าน เลขที่ดังกล่าว จน ครบ กำหนด เวลา เช่า แล้ว ยัง คง อาศัย อยู่ บน ที่ เช่า และ ชำระค่าเช่า ตลอดมา โจทก์ ไม่ประสงค์ ที่ จะ ให้ จำเลย เช่า ต่อไป จึง ให้ทนายความ มี หนังสือ บอกกล่าว ให้ จำเลย ขนย้าย ครอบครัว และ บริวาร ออก ไปจาก ที่ เช่า จำเลย ได้รับ หนังสือ บอกกล่าว แล้วแต่ เพิกเฉย ขอให้ บังคับจำเลย รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 หมู่ ที่ 1 ตำบล ทุ่งคาโงก อำเภอ เมือง พังงา จังหวัด พังงา พร้อม ทั้ง ขนย้าย ครอบครัว บริวารและ ทรัพย์สิน ของ จำเลย ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์ และ ส่งมอบ ที่ดิน ให้ แก่โจทก์ ใน สภาพ เรียบร้อย ให้ จำเลย ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ เดือน ละ1,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จำเลย จะ รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4ออก ไป จาก ที่ดิน ของ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า โจทก์ ไม่ได้ ครอบครอง ที่ดิน จำนวน 11 ไร่แต่ ครอบครอง เพียง 7 ไร่ ส่วน อีก 4 ไร่ จำเลย ครอบครอง สร้าง บ้าน อาศัยและ ทำประโยชน์ ใน ที่ดิน ตั้งแต่ ปี 2519 โดย ความสงบ เปิดเผย ด้วย เจตนาเป็น เจ้าของ ปราศจาก การ รบกวน การ ครอบครอง เป็น เวลา กว่า 10 ปี แล้วเพราะ โจทก์ ส่งมอบ การ ครอบครอง ที่ดิน ดังกล่าว ให้ แก่ จำเลย เพื่อ ชำระราคา ที่ดิน สวน ยางพารา 30 ไร่ ของ จำเลย ที่ ขาย ให้ แก่ โจทก์ เมื่อ ปี2519 สัญญาเช่า เป็น เอกสารปลอม ทั้ง เป็น การเช่าที่ดิน เพียง30 ตารางวา และ ยกเลิก กัน แล้ว ตั้งแต่ ปี 2519 ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 หมู่ ที่ 1ตำบล ทุ่งคาโงก อำเภอ เมือง พังงา จังหวัด พังงา ขนย้าย ทรัพย์สิน และ บริวาร ออก ไป จาก ที่พิพาท ส่งมอบ ที่พิพาท ให้ โจทก์ ใน สภาพ เรียบร้อยให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ เดือน ละ 500 บาท นับ ตั้งแต่ วันที่19 มกราคม 2533 เป็นต้น ไป จนกว่า จะ รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 ออก ไปจาก ที่พิพาท
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “เห็นว่า ฟ้องโจทก์ กล่าวอ้าง ว่า จำเลยทำ สัญญาเช่า ที่ดิน จาก โจทก์ เพื่อ ปลูก บ้าน เนื้อที่ 30 ตารางวาแม้ จะ กล่าวอ้าง ด้วย ว่า ที่ดิน ที่ จำเลย เช่า เป็น แปลง เดียว กับ ที่ดินเนื้อที่ 11 ไร่ เศษ ที่ โจทก์ มีสิทธิ ครอบครอง อยู่ แต่ คำฟ้อง ตอน ต่อไปก็ กล่าวอ้าง ว่า หลังจาก จำเลย ทำ สัญญาเช่า ที่ดิน จาก โจทก์ แล้ว จำเลยปลูก บ้าน เลขที่ 16/4 บน ที่ดิน แปลง ดังกล่าว อยู่อาศัย ตลอดมา และคำขอบังคับ ก็ ขอให้ จำเลย รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 ออก ไป จาก ที่ดิน โจทก์จึง มี ความหมาย ชัดแจ้ง ว่า ที่พิพาท ซึ่ง โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ ขับไล่จำเลย คือ ที่ดิน ที่ จำเลย ทำ สัญญาเช่า กับ โจทก์ เพื่อ ปลูก บ้าน ดังกล่าวเนื้อที่ 30 ตารางวา แม้ จำเลย จะ ยื่นคำให้การ ว่า ที่ดิน ตาม ฟ้องจำเลย มีสิทธิ ครอบครอง อยู่ 4 ไร่ โดย โจทก์ มอบ ให้ เพื่อ ชำระ ราคา ที่ดินที่ จำเลย ขาย ให้ แก่ โจทก์ แต่ จำเลย มิได้ ฟ้องแย้ง ไว้ คดี จึง ไม่มีประเด็น พิพาท ว่า จำเลย ครอบครอง ที่ดิน ใน ส่วน ที่ เกินกว่า 30 ตารางวาคง พิพาท และ บังคับ กัน ได้ เฉพาะ ที่พิพาท ตาม ฟ้อง เนื้อที่ 30 ตารางวาไม่อาจ บังคับ กัน ได้ ใน จำนวน เนื้อที่ เกินกว่า นั้น จำนวน ทุนทรัพย์จึง ต้อง ตีราคา จาก ที่พิพาท เนื้อที่ 30 ตารางวา ตาม คำฟ้อง ที่ ขอ มา หาใช่ ตีราคา ตาม จำนวน เนื้อที่ จำเลย ให้การ เกิน ไป กว่า ที่ โจทก์ ขอ มาใน คำฟ้อง ไม่ ปรากฏว่า ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ใน รายงาน กระบวนพิจารณาลงวันที่ 10 มิถุนายน 2534 ว่า ทุนทรัพย์ ของ ที่พิพาท มี ราคา208,600 บาท ตาม ที่ สำนักงาน ที่ดิน ประเมิน มา แต่ ตาม หนังสือ ของอำเภอ เมือง พังงา ลงวันที่ 31 มกราคม 2534 แจ้ง ศาลชั้นต้น ว่าช่าง รังวัด ทำแผน ที่ วิวาท ส่วน ที่ โจทก์ จำเลย พิพาท กัน เป็น เนื้อที่3 ไร่ 3 งาน 44 ตารางวา ซึ่ง ทางราชการ ประเมิน ราคา 208,600 บาทย่อม เห็น ได้ว่า เป็น การ ตีราคา ที่ดิน ตาม จำนวน เนื้อที่ ซึ่ง เกินกว่าที่พิพาท กัน อันเป็น เนื้อที่ เพียง 30 ตารางวา มาก นัก หาก คำนวณ ราคาที่พิพาท เนื้อที่ 30 ตารางวา ตาม อัตรา ส่วน ที่ ทางราชการ ประเมิน มาก็ จะ เห็น ได้ ชัดแจ้ง ว่า ที่พิพาท มี ราคา ไม่เกิน ห้า หมื่น บาท แน่นอนจึง เป็น คดี ที่ ราคา ทรัพย์สิน หรือ จำนวน ทุนทรัพย์ ที่พิพาท กันใน ชั้นอุทธรณ์ ไม่เกิน ห้า หมื่น บาท ห้าม มิให้ คู่ความ อุทธรณ์ ในข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคแรกข้อเท็จจริง จึง ต้อง ยุติ ตาม ที่ ศาลชั้นต้น ได้ วินิจฉัย จาก พยานหลักฐานใน สำนวน แรก ว่า จำเลย ทำ สัญญาเช่า ที่ดิน 30 ตารางวา ของ โจทก์ จาก โจทก์ที่ จำเลย ฎีกา ประการ แรก ว่า พยานหลักฐาน โจทก์ จำเลย ที่ นำสืบ มาน่าเชื่อ ว่า สัญญาเช่า เอกสาร หมาย จ. 2 เป็น สัญญา ปลอม และ ที่ จำเลย ฎีกาประการ ต่อมา ว่า ข้อเท็จจริง น่าเชื่อ ว่า จำเลย ได้ ที่พิพาท จาก การแลกเปลี่ยน ที่ดิน กับ โจทก์ นั้น เป็น ฎีกา ใน ข้อเท็จจริงศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย
ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ใน ปัญหาข้อกฎหมาย มี เพียงข้อ เดียว ว่า การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษา ให้ ขับไล่ จำเลย ออกจากที่ดิน เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 44 ตารางวา ขัด ต่อ ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง มาตรา 142 หรือไม่ เมื่อ คำฟ้อง กล่าวอ้างชัดแจ้ง ว่า จำเลย เช่า ที่ดิน โจทก์ เนื้อที่ 30 ตารางวา และ ปลูก บ้านเลขที่ 16/4 บน ที่ดิน แปลง ดังกล่าว อยู่อาศัย ตลอดมา โดย ขอให้ บังคับจำเลย รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 ออก ไป จาก ที่ดิน โจทก์ ที่ จำเลย ทำสัญญาเช่า มา มิได้ ขอให้ บังคับ ขับไล่ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดิน โจทก์เนื้อที่ เกินกว่า 30 ตารางวา เช่นนี้ และ คดี ไม่มี ประเด็น พิพาท ว่าจำเลย ครอบครอง ที่ดิน ใน ส่วน ที่ เกิน 30 ตารางวา ตาม ฟ้อง ศาล ย่อมไม่มี อำนาจ วินิจฉัย เลย ไป ถึง ว่า ให้ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดิน เนื้อที่3 ไร่ เศษ ของ โจทก์ ได้ เพราะ เป็น การ พิพากษา เกินกว่า ที่ ปรากฏ ใน คำฟ้องต้องห้าม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรก ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า สำหรับ ที่พิพาท มี เนื้อที่ 30 ตารางวาตาม บริเวณ ที่ ระบาย สี เหลือง ใน แผนที่ วิวาท เอกสาร หมาย จ. ล. 1นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3