แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาลักทรัพย์ จำเลยให้การรับสารภาพระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องโดยขอให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในในอีกคดีหนึ่งมาบวกด้วยศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและสำเนาคำร้องให้จำเลย แต่ไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยและส่งสำเนาคำร้องให้จำเลย ดังนี้ข้อที่จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษและรอการลงโทษในอีกคดีหนึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่แยกได้ต่างหากจากที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความตามคำร้อง หากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้ยังไม่ชัดแจ้งโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลสอบจำเลยเพิ่มเติมหรือแถลงขอสืบพยานต่อไป เมื่อโจทก์มิได้ดำเนินการอย่างใดจนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วจะอ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่ชอบหาได้ไม่ คดีไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 และขอให้นำโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก4 เดือนโดยมิได้นำโทษจำคุกที่รอมาบวกด้วย โจทก์อุทธรณ์ขอให้นำโทษจำคุกที่รอมาบวกในคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาว่า เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องขอให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่นมาบวกกับโทษในคดีนี้และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องแล้วชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องสอบถามจำเลยในข้อที่โจทก์เพิ่มเติมฟ้องว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ชอบที่จะพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แล้วย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสอบถามจำเลยในข้อเคยต้องโทษแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่หรือไม่พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2530 จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติทำการสืบเสาะและพินิจโดยให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 พฤษภาคม 2530ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2530 โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญา ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5457/2529 ให้จำคุก 5 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ในระหว่าง 1 ปี จำเลยมากระทำผิดคดีนี้อีกขอให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวมาบวกกับโทษในคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและสำเนาคำร้องให้จำเลยโดยไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยและส่งสำเนาคำร้องให้จำเลย เห็นว่าข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5457/2529 ของศาลอาญา และศาลดังกล่าวได้พิพากษาลงโทษและรอการลงโทษจำเลยไว้ภายในกำหนดเวลา 1 ปีนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่แยกออกได้ต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดในคดีนี้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องมีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมิได้สอบจำเลยว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5457/2529 ของศาลอาญาหรือไม่ จะถือว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามคำร้องดังกล่าวหาได้ไม่ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบพยานให้ได้ความตามคำร้อง หากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้นั้นยังไม่ชัดแจ้ง และศาลชั้นต้นมิได้สอบจำเลยเพิ่มเติมในข้อนี้ โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลสอบจำเลยหรือแถลงขอสืบพยานต่อไปได้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ดำเนินการอย่างใด จนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จะอ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยมิชอบหาได้ไม่ คดีจึงไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสอบถามคำให้การจำเลยเพิ่มเติมดังที่โจทก์ฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน