คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5736/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ในฐานะผู้รับตราส่งฟ้องจำเลยในฐานะผู้ขนส่งให้รับผิดเนื่องจากจำเลยซึ่งมีหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 และตามสัญญารับขนของทางทะเลที่จะต้องนำสินค้าที่ตนเองรับขนไปส่งมอบให้แก่โจทก์ ซึ่งเป็น ผู้รับตราส่งและรับเวนคืนใบตราส่ง แต่จำเลยไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์ กลับส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่ง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญารับขนของทางทะเล แม้ตามคำฟ้องโจทก์จะกล่าวอ้างมูลละเมิดมาด้วย แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยผิดสัญญารับขนของทางทะเลและโจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดจากมูลผิดสัญญาได้ กรณีจึงไม่อาจนำอายุความ 1 ปี ในเรื่องการเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 มาใช้บังคับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๐ และวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ บริษัทยงสวัสดิ์ค้าไม้ จำกัด ได้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์ที่สำนักงานใหญ่ เพื่อสั่งซื้อสินค้าไม้แปรรูปจากผู้ขายในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์และประเทศมาเลเซียโดยโจทก์เป็นผู้รับตราส่ง โจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ ๒ ฉบับตามคำขอ และผู้ขายได้ส่งสินค้ามาทางเรือและส่งใบตราส่งกับเอกสารอื่น ๆ ให้แก่โจทก์ โจทก์ได้จ่ายค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายไป ๘๓,๑๙๕.๔๕ ดอลลาร์สหรัฐ และ ๑,๖๓๐,๕๖๖.๔๕ ริงกิต ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๐ โจทก์ตรวจสอบพบว่ามีการส่งสินค้าถึงท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือมาบตาพุด เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๐ และวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๐ โดยมีจำเลยเป็นผู้ขนส่ง จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์หรือให้แก่บุคคลที่ได้รับอนุญาตจากโจทก์โดยมีการเวนคืนใบตราส่ง แต่จำเลยได้กระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อด้วยการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๐ และวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐ โดยมิได้มีการเวนคืนใบตราส่งและมิได้รับความยินยอมหรืออนุญาตจากโจทก์อันเป็นการละเมิดและผิดสัญญารับขนของต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายมิได้รับชำระหนี้ค่าสินค้าจากบริษัทยงสวัสดิ์ค้าไม้ จำกัด และไม่สามารถรับหรือโอนขายสินค้าให้แก่บุคคลอื่น จำเลยต้องรับผิดชดใช้ต้นเงินที่โจทก์จ่ายไปพร้อมดอกเบี้ย โจทก์ขอคิดอัตราแลกเปลี่ยนก่อนวันฟ้องในอัตรา ๓๗.๕๑๙๓ บาท ต่อ ๑ ดอลลาร์สหรัฐ และอัตรา ๙.๙๖๗๓ บาท ต่อ ๑ ริงกิต พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๐ และวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐ จนถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย ๔๔๙,๖๑๔.๙๓ บาท และ ๒,๐๑๗,๐๗๑.๘๕ บาท รวมเป็นเงินต้น ๑๙,๓๗๓,๗๘๐.๐๓ บาท และดอกเบี้ย ๒,๔๖๖,๖๘๖.๗๘ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๒๑,๘๔๐,๔๖๖.๘๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากเงินต้น ๑๙,๓๗๓,๗๘๐.๐๓ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่อาจฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องได้ เพราะโจทก์ได้หักทอนบัญชีเอากับบริษัทยงสวัสดิ์ค้าไม้ จำกัด ผู้ซื้อไปแล้ว โจทก์ไม่ได้สั่งห้ามผู้ซื้อขนถ่ายสินค้าออกจากระวางเรือและไม่ได้ห้ามจำเลยไม่ให้ ผู้ซื้อขนถ่ายสินค้า พฤติการณ์ถือว่าโจทก์ยินยอมให้ผู้ซื้อขนถ่ายสินค้าไปได้ และเมื่อผู้ซื้อขนถ่ายสินค้าออกจากระวางเรือของจำเลยเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๐ และวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐ โจทก์จึงต้องฟ้องคดีภายในวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๔๑ และวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๑ แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๑ ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๑,๘๔๐,๔๖๖.๘๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของเงินต้น ๑๙,๓๗๓,๗๘๐.๐๓ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๐ และวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ บริษัทยงสวัสดิ์ค้าไม้ จำกัด ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์ได้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์ที่สำนักงานใหญ่เพื่อสั่งซื้อสินค้าไม้แปรรูปจากผู้ขายในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์และประเทศมาเลเซียโดยมีข้อตกลงว่าเมื่อผู้ขายได้จัดส่งสินค้าลงเรือแล้ว ให้ผู้ขายเรียกเก็บเงินค่าสินค้าจากสาขาหรือธนาคารตัวแทนของโจทก์ได้ ผู้ขายและผู้ซื้อตกลงมอบสินค้าทั้งหมด ใบตราส่ง กรมธรรม์ประกันภัยและเอกสารต่าง ๆ ให้แก่โจทก์หรือบุคคลที่โจทก์อนุญาต หากผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์มีสิทธินำสินค้าออกจำหน่ายนำเงินมาชำระหนี้ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตได้ โจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต ๒ ฉบับ ตามคำขอของผู้ซื้อ เมื่อผู้ขายส่งสินค้าพร้อมเอกสารการขนส่งให้โจทก์ โจทก์ได้ชำระค่าสินค้าให้ผู้ขายจำนวน ๘๓,๑๙๕.๔๕ ดอลลาร์สหรัฐไปเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๔๐ และ ๑,๖๓๐,๕๖๖.๔๕ ริงกิต ไปเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๐ จำเลยเป็นผู้ขนส่งตามใบตราส่งและโจทก์เป็นผู้รับตราส่ง เรือสินค้ามาถึงท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือมาบตาพุดเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๐ และวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๐ และวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐ มีการขนถ่ายสินค้าจากเรือและจำเลยไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่ง แต่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยไม่ได้มีการเวนคืนใบตราส่งและมิได้รับความยินยอมหรืออนุญาตจากโจทก์ ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันนี้ต่อศาลแพ่งธนบุรีเมื่องวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๑ แต่ศาลแพ่งธนบุรีมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๔๒
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเพียงข้อเดียวว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิด โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ทำละเมิด เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ และวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๐ อันเป็นวันที่คำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแต่ละฉบับสิ้นอายุ โจทก์ฟ้องคดีนี้ที่ศาลแพ่ง ธนบุรี เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๑ เกินกำหนด ๑ ปี จึงขาดอายุความ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ในฐานะผู้รับตราส่งฟ้องจำเลยในฐานะผู้ขนส่งให้รับผิด เนื่องจากจำเลยซึ่งมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ และตามสัญญารับขนของทางทะเลที่จะต้องนำสินค้าที่ตนเองรับขนไปส่งมอบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่งและรับเวนคืนใบตราส่ง แต่จำเลยไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์ กลับส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่ง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญารับขนของทางทะเล แม้ตามคำฟ้องโจทก์จะกล่าวอ้างมูลละเมิดมาด้วย แต่เมื่อฟังได้แล้วว่าจำเลยผิดสัญญารับขนของทางทะเลและโจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดจากมูลผิดสัญญาได้ กรณีจึงไม่อาจนำอายุความ ๑ ปี ในเรื่องการเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ มาใช้บังคับได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ไม่วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความในมูลละเมิดหรือไม่นั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share