คำสั่งคำร้องที่ 1201/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของ จำเลยทั้งสองเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นปัญหา ข้อกฎหมายว่าที่พิพาทเป็นคดีพิพาทในส่วนแพ่งด้วย ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 เข้าใจว่าตนมีสิทธิโดยชอบที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องได้ การกระทำของจำเลยทั้งสอง จะเป็นความผิดฐานบุกรุกหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้เพื่อพิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์และโจทก์ร่วมได้รับสำเนา คำร้องแล้วหรือไม่
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) ประกอบด้วยมาตรา 362,83 จำคุก คนละ 4 เดือนปรับคนละ 2,000 บาท คำเบิกความชั้นพิจารณา ของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้จำเลย ทั้ง สองคนละหนึ่งในสี่ คงจำคุกคนละ 3 เดือน ปรับคนละ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี ฯลฯ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 89)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้ขายที่พิพาทและ การครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์ร่วมและ นายแผนแล้ว ที่พิพาทจึงตกเป็นสิทธิครอบครองของโจทก์ร่วมและนายแผน จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องในที่พิพาทอีกจำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองมีสิทธิเข้าไป เกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้ เพราะสิทธิการครอบครองที่พิพาทยังเป็น ของจำเลยที่ 1 โจทก์ร่วมครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยที่ 1 เป็นการโต้เถียงในข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้วยกคำร้อง

Share