คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4026/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดี แทนผู้เยาว์ทั้งสอง และฟ้องของโจทก์มีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสอง ซึ่งศาลชั้นต้น ได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้อง ของ ผู้เยาว์ทั้งสอง และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายยงค์ เผือกปลั่ง ได้กู้ยืมเงินจำเลยที่ 2โดยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 59915 แขวงสีกันเขตบางเขน (ตลาดขวัญ) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันไว้ ต่อมานายยงค์ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 เด็กชายอำพล เผือกปลั่ง และเด็กหญิงวราภรณ์เผือกปลั่ง ซึ่งเป็นภรรยาและบุตรผู้เยาว์ของผู้ตายต่อศาลชั้นต้นให้รับผิดชำระเงินกู้ยืมดังกล่าวตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้น และมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีดังกล่าวซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้ว ปรากฏตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2529ต่อมามีการผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญา จำเลยที่ 2 ได้ดำเนินการบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ผู้ตายจดทะเบียนจำนองเป็นประกันและที่ดินของเด็กชายอำพลกับเด็กหญิงวราภรณ์ผู้เยาว์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 39091 แขวงทุ่งสองห้องเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2531 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองของเด็กชายอำพลและเด็กหญิงวราภรณ์ผู้เยาว์ได้ร้องต่อโจทก์ขอให้โจทก์ฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลชั้นต้นดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองเนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไปโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางตามกฎหมายสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง การยึดทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสองจึงไม่ชอบ ขอให้ศาลพิพากษาว่า สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้นไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง โดยเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้เยาว์ทั้งสองและสั่งยกเลิกเพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 39091 แขวงทุ่งสองห้องเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความถือได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนผู้เยาว์ทั้งสองและคดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมผูกพันผู้เยาว์ทั้งสองการยึดทรัพย์กระทำโดยชอบ ทั้งที่ดินโฉนดเลขที่ 39091แขวงทุ่งสองห้อง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นของจำเลยที่ 1 และสินสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้ตายการดำเนินคดีของโจทก์ในคดีนี้ซ้ำซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1ในฐานะส่วนตัวและผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ทั้งสอง เคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้น ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 39091 แขวงทุ่งสองห้องเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร มาครั้งหนึ่งแล้ว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ได้ดำเนินคดีเป็นคดีนี้อีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีดังกล่าวของศาลชั้นต้น ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย โจทก์แถลงรับว่าข้อเท็จจริงเป็นดังคำร้องของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 จึงชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น เด็กชายอำพลและเด็กหญิงวราภรณ์ผู้เยาว์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2ในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าว โดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์ทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ และเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสองในคดีดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ทั้งสอง และฟ้องของโจทก์มีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสอง ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้องของผู้เยาว์ทั้งสอง และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share