คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยตกลงโอนที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม และคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ไม่ครบตามที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาตามยอม ขอให้เรียกจำเลยมาสอบถาม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการสั่งในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนชี้ขาดตามคำร้องนั้นถือได้ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่โต้แย้งไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ และโจทก์จะฎีกาคำสั่งนั้นไม่ได้ เพราะต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งห้าขอแบ่งทรัพย์มรดกเป็นที่ดินคนละ ๒๑๗.๘๐ ตารางวา ต่อมาโจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งห้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยทั้งห้าตกลงโอนที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๘๖๖๑ ถึง ๒๘๖๖๔ ตำบลมหาชัย (โคกขาม)อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่รวม ๑ ไร่ ๓ งาน ๒๒ ตารางวา ให้โจทก์ทั้งสอง ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่า โฉนดที่ดินที่จำเลยทั้งห้าโอนให้โจทก์ทั้งสองตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มีเนื้อที่ที่ดินน้อยกว่าจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความประมาณ ๒๐๗ ตารางวา ถือว่าจำเลยทั้งห้าผิดสัญญาประนีประนอมยอมความขอให้ศาลนัดพร้อมจำเลยทั้งห้าเพื่อสอบถามก่อนจะออกหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมสอบถามและไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่าเมื่อโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้เรียกจำเลยทั้งห้ามาสอบถาม ศาลชั้นต้นย่อมจะเรียกจำเลยทั้งห้ามาสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าวได้โดยไม่จำต้องไต่สวนคำร้อง การที่ศาลชั้นต้นให้ไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ทั้งสอง และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาคดีนั้น เห็นว่า การที่โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องและศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวเป็นการสั่งในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนชี้ขาดตามคำร้องนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ทั้งสองไม่โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์และจะฎีกาคัดค้านคำสั่งดังกล่าวไม่ได้ เพราะต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ให้ แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า จำนวนเนื้อที่ที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเพียงประมาณการเท่านั้น จำเลยทั้งห้าปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว
พิพากษายืน.

Share