แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากจำเลยถูกโจทก์ฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งที่ ศาลภาษีอากรกลางตามคดีหมายเลขดำที่ 70/2534 มีประเด็น อย่างเดียวกับคดีนี้ว่าการประเมินของเจ้าพนักงานของโจทก์ ชอบหรือไม่พยานหลักฐานเกี่ยวกับเอกสารตลอดจนพยานบุคคลเป็นชุด เดียวกัน และคดีดังกล่าวเจ้าพนักงานประเมินก็ประเมิน โดยอาศัยราคาในใบขนสินค้าขาออกของเมืองฮ่องกงเหมือนคดีนี้นางแคทเธอรีนม็อค ได้เบิกความในคดีดังกล่าวเกี่ยวกับใบขนสินค้าขาออกเมืองฮ่องกงหลังจากที่ศาลในคดีนี้ได้มีคำพิพากษาแล้ว จำเลยจึงไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานอ้างคำเบิกความของ นางแคทเธอรีนม็อค ได้ทันภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายคำเบิกความของพยานดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญและจำเป็น แก่คดี ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นในคดีโดยตรง จำเลยจึงขออ้างคำเบิกความของ นางแคทเธอรีนม็อค เป็นพยานต่อศาลในคดีนี้เพื่อประกอบคำวินิจฉัยของศาลฎีกาตามบัญชีพยานที่ยื่นมาพร้อมคำร้องนี้ และเพื่อ ประโยชน์แห่งความยุติธรรม โปรดอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชี ระบุพยานดังกล่าวด้วย
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 148)
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินภาษีอากรจำนวน 51,711,468.38 บาท แก่โจทก์ กับให้จำเลยชำระเงินเพิ่มอากร ขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากร ขาเข้ารวม 43 ใบขนเป็นเงิน 12,313,413.63 บาท เป็นรายเดือนนับแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2532 เป็นต้นไปจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระเงินเพิ่มภาษีการค้า ในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีการค้า ที่ต้องชำระเพิ่มทั้งนี้มิให้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้อง ชำระเพิ่ม จากต้นเงินภาษีการค้า 579,445.60 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 103-00830 จากต้นเงินภาษีการค้า 168,631.94 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 103-04233 จากต้นเงินภาษีการค้า 122,311.16 บาท ตามใบขนเลขที่ เอ 113-01105 จากต้นเงินภาษีการค้า 79,813.93 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 113-06453 จากต้นเงินภาษีการค้า 95,736.09 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 123-00404 จากต้นเงินภาษีการค้า 40,842.72 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 123-02532 จากต้นเงินภาษีการค้า 40,842.72 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 123-02533 จาก ต้นเงินภาษีการค้า 39,129.25 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 123-05207 จากต้นเงินภาษีการค้า 125,405.73 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 104-00022 และจากต้นเงินภาษีการค้า 41,764.68 บาท ตามใบขนเลขที่ ปี 014-02405 เป็นรายเดือนนับแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2532 เป็นต้นไป พร้อมกับให้จำเลยชำระเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเพิ่มภาษีการค้าตามใบขนดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ (อันดับ 145)
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 144)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว แม้ว่านางแคทเธอรีนม็อคจะเบิกความในคดีหมายเลขดำที่ 70/2534 ของศาลชั้นต้น หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ ทำให้จำเลยไม่สามารถอ้างคำเบิกความของนางแคทเธอรีนม็อค เป็นพยานต่อศาลในคดีนี้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีก็ตาม แต่ตาม คำร้องของ จำเลยระบุว่าคดีดังกล่าวและคดีนี้มีประเด็นอย่างเดียว กันว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และคดีนั้นเจ้าพนักงานประเมินก็ประเมินโดยอาศัยราคาในใบขนสินค้า ขาออกของเมืองฮ่องกงเหมือนคดีนี้ เมื่อจำเลยนำนางแคทเธอรีนม็อค เข้าเบิกความในคดีดังกล่าว ย่อมแสดงว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่าจำเป็นต้องสืบนางแคทเธอรีนม็อค ในคดีนี้ กรณีไม่มีเหตุอันสมควรแสดงได้ว่า จำเลยไม่สามารถทราบได้ว่า ต้องนำนางแคทเธอรีนม็อค มาสืบเพื่อประโยชน์แก่คดีของตนในคดีนี้หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ ซึ่งออกตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากร และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 จำเลยจึงไม่อาจยื่น คำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเช่นว่านั้นต่อศาลฎีกาได้ ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ