แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะที่บริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นประกาศจ่ายเงินปันผลให้โจทก์จำนวน 175,219,000 บาท ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าโจทก์มีรายได้ในเงินปันผลจำนวนดังกล่าวนั้น บริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด ยังมิได้เข้าถือหุ้นในบริษัทโจทก์ หรือเคยถือหุ้นในบริษัทโจทก์ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมาก่อน เงินปันผลจำนวนดังกล่าวจึงเป็นเงินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ทั้งจำนวน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ (10) (ข) การที่ ต่อมาบริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด เข้ามาถือหุ้นในบริษัทโจทก์ไม่ว่าจะอยู่ในรอบระยะเวลาบัญชีที่โจทก์ได้รับ เงินปันผลนั้นมาหรือไม่ก็ตาม ย่อมไม่ทำให้เงินปันผลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ทั้งจำนวนนั้น ต้องกลับมาเป็นเงินปันผลที่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ (10) วรรคหนึ่ง ไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ สต.2/1002/071/2/100093 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เลขที่ สภ.1 (อธ.4)/15/2543 ในส่วนที่โจทก์ฟ้องเสียทั้งสิ้น ให้งดหรือลดเบี้ยปรับเงินเพิ่มแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนด ค่าทนายความให้ 10,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2536 โจทก์ซื้อหุ้นของบริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด จำนวน 18,700,000 หุ้น ซึ่งเกินกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง ในบริษัทดังกล่าว วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2538 บริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ประกาศจ่ายเงินปันผลให้โจทก์จำนวน 175,219,000 บาท และโจทก์ไม่ได้โอนหุ้นดังกล่าวไปก่อน 3 เดือน นับแต่ได้เงินปันผล วันที่ 1 มิถุนายน 2538 บริษัทเซ็นทรัลดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จำกัด และบริษัท ซี.อาร์.จี. บริการ จำกัด ซึ่งถือหุ้นของโจทก์จำนวน 34,879,982 หุ้น ได้ขายหุ้นดังกล่าวให้แก่บริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด โจทก์มิได้นำเงินปันผลที่ได้รับ ดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2538 เพราะเห็นว่าเป็นรายได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณกำไรสุทธิทั้งจำนวนตามมาตรา 65 ทวิ (10) (ข) ต่อมาเดือนกันยายน 2541 เจ้าพนักงานประเมินหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนตรวจสอบภาษีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2538 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2538 แล้วมีหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลว่า โจทก์แสดงรายได้ดอกเบี้ยรับขาดไปจำนวน 29,177.54 บาท และแสดงรายได้ส่วนที่ได้รับยกเว้นภาษี (เงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด) เกินไปจำนวน 87,609,500 บาท ประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมกับเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้นจำนวน 23,301,133.72 บาท โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยให้ ยกอุทธรณ์ของโจทก์ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อแรกมีว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับเงินปันผลที่โจทก์ได้รับจากบริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด ชอบหรือไม่ เห็นว่า ขณะที่บริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ประกาศจ่ายเงินปันผลให้โจทก์จำนวน 175,219,000 บาท ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าโจทก์มีรายได้ในเงินปันผลจำนวนดังกล่าวนั้น บริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด ยังมิได้เข้าถือหุ้นในบริษัทโจทก์ หรือเคยถือหุ้นในบริษัทโจทก์ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมาก่อน เงินปันผลจำนวนดังกล่าวจึงเป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ทั้งจำนวน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ (10) (ข) การที่ต่อมาบริษัทสรรพสินค้าชิดลม จำกัด เข้ามาถือหุ้นในบริษัทโจทก์ไม่ว่าจะอยู่ในรอบระยะเวลาบัญชีที่โจทก์ได้รับเงินปันผลนั้นมาหรือไม่ก็ตาม ย่อมไม่ทำให้เงินปันผลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ทั้งจำนวนนั้น ต้องกลับมาเป็นเงินปันผลที่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ (10) วรรคหนึ่ง ไปได้ อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับเบี้ยปรับต่อไป
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ สต.2/1002/071/2/100093 กับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เลขที่ สภ.1 (อธ.4)/15/2543 เฉพาะรายการที่ประเมินว่าโจทก์แสดงรายได้ส่วนที่ได้รับยกเว้นภาษีเกินไปจำนวน 87,609,500 บาท ค่าฤชาธรรมเนียม ทั้งสองศาลให้เป็นพับ.