คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลย เมื่อรวมโทษจำเลยแล้วคงจำคุกจำเลย 3 เดือน 15 วัน ซึ่งไม่ถูกต้องที่ถูกต้องเป็น 6 เดือน 15 วัน และในความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน การที่ศาลอุทธรณ์วางโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 เดือน จึงเกินกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยให้จำคุกจำเลยในความผิดฐานนี้ 10 วัน และเมื่อรวมโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วยังน้อยกว่าโทษที่คำนวณโดยถูกต้องแต่โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษให้ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขโทษสำหรับจำเลยให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 91, 371, 376 ริบอาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด .22ที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน ซองบรรจุกระสุน และกระสุนปืนขนาด .22 ของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 371, 376เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปีปรับ 10,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือนปรับคนละ 6,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 8,000 บาท ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ ในเมือง ในหมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน จำคุกคนละ 1 เดือนปรับคนละ 400 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี ปรับ 5,000 บาทจำเลยที่ 2 ที่ 3 จำคุกคนละ 5 เดือน ปรับคนละ 3,000 บาทฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 6 เดือนปรับคนละ 4,000 บาท ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองในหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนจำคุกคนละ 1 เดือน ปรับคนละ 200 บาทรวมจำเลยที่ 1 จำคุก 1 ปี 7 เดือน ปรับ 9,200 บาท จำเลยที่ 2ที่ 3 จำคุกคนละ 9 เดือน ปรับคนละ 7,200 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ริบอาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด จำเลยทั้งสามไว้ มีกำหนดคนละ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๆ 3 เดือนต่อครั้ง ให้จำเลยทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ตามที่พนักงานคุมประพฤติจะเห็นสมควร โดยความยินยอมของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 371, 376 จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,371, 376 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 2 และที่ 3 จำคุกคนละ 6 เดือนลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานพาอาวุธปืน จำคุกคนละ 6 เดือนและฐานยิงปืนโดยใช่เหตุจำคุกคนละ 1 เดือน รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 7 เดือน จำเลยที่ 2 และที่ 3จำคุกคนละ 7 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือน 15 วันจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 3 เดือน 15 วัน ไม่รอการลงโทษไม่ปรับและไม่คุมความประพฤติจำเลยทั้งสาม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสามฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า กรณีไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยทั้งสามแต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รวมโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นจำคุกคนละ 7 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุกคนละ 3 เดือน15 วัน นั้นไม่ถูกต้อง เนื่องจากศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฐานมีอาวุธปืนคนละ 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนคนละ 6 เดือน ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุคนละ 1 เดือน เมื่อรวมโทษจำคุกแล้ว ต้องเป็น 1 ปี 1 เดือนมิใช่ 7 เดือน และเมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วต้องเป็น 6 เดือน15 วัน มิใช่ 3 เดือน 15 วัน
อนึ่ง ความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 นั้น มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วางโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 เดือนจึงเกินกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนด เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยให้จำคุกจำเลยทั้งสามในความผิดฐานนี้คนละ 10 วันแต่สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น เมื่อรวมโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้วยังน้อยกว่าโทษที่คำนวณโดยถูกต้องแต่เมื่อโจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษให้ถูกต้องศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขโทษสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า รวมโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 1 ปี 6 เดือน10 วัน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือน 5 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share