คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3810/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 125 วรรคหนึ่งกำหนดให้นายจ้างที่ไม่พอใจคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานนำคดี ไปสู่ศาลได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งโดยมาตรา 125 วรรคสาม กำหนดให้นายจ้างที่นำคดีไปสู่ศาลต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจึงจะฟ้องคดีได้ ส่วนการวางเงินตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจึงจะต้องให้สอดคล้องกับความ ไม่พอใจคำสั่งดังกล่าวด้วยโดยนายจ้างไม่พอใจหรือโต้แย้ง คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเท่าใดก็วางเงินเท่าที่ตนโต้แย้ง ไม่จำต้องวางเต็มจำนวนตามที่พนักงานตรวจแรงงานสั่งเสมอไป เมื่อโจทก์ไม่พอใจหรือโต้แย้งคำสั่งจำเลยทั้งสองแต่เพียง ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน จำนวน 120,000 บาท โจทก์จึงวางเงินเฉพาะจำนวนดังกล่าวได้ และศาลแรงงานกลางชอบที่จะสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2541 โจทก์และบริษัทศรีเทพไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกันยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะพนักงานตรวจแรงงานต่อศาลแรงงานกลางตามคดีหมายเลขดำที่ 22879/2541 ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่61/2541 และ 62/2541 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2541 ของจำเลยทั้งสองโดยโจทก์ได้วางเงินต่อศาลตามจำนวนที่จะต้องชำระตามคำสั่งจำเลยทั้งสองจำนวน 120,000 บาท และยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินตามคำสั่งจำเลยทั้งสองในส่วนสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีก 1 เดือน ออกไปถึงวันที่22 ธันวาคม 2541 ศาลแรงงานกลางสั่งให้โจทก์ทั้งสองแยกฟ้องยื่นมาใหม่ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทั้งสองไม่ติดใจฟ้องและอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงิน ต่อมาวันที่ 25 ธันวาคม 2541โจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้เพิกถอนคำสั่งจำเลยทั้งสองที่ 62/2541พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอโอนเงินที่โจทก์วางไว้ในคดีหมายเลขดำที่ 22879/2541 มาใช้ในคดีนี้ และในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542โจทก์ได้วางเงินเพิ่มในคดีนี้อีก 20,000 บาท
ศาลแรงงานกลางสั่งคำฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 22879/2541 และนำเงินมาวางศาลเพียงบางส่วนโดยจะนำเงินส่วนที่เหลือมาวางศาลในวันที่ 22 ธันวาคม 2541 แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามที่ได้ยื่นคำร้องขอขยายกรณีจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 125 มีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ได้ชำระเงินให้แก่นายอภิชาติ กอบประเสริฐกุลลูกจ้างแล้ว จำนวน 20,000 บาท โดยหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้จำนวน 325 บาท จำนวนเงินที่โจทก์วางต่อศาลแรงงานกลางในการยื่นฟ้องคดีนี้จึงครบจำนวนที่โจทก์จะต้องชำระแก่นายอภิชาติตามคำสั่งจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่านายอภิชาติไปประกอบธุรกิจซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับธุรกิจของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 นายอภิชาติได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของโจทก์แล้ว โจทก์จึงสิ้นความผูกพันตามข้อตกลงการจ้าง โจทก์ไม่เคยตกลงจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่นายอภิชาติตามที่จำเลยทั้งสองอ้างในคำสั่ง โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่นายอภิชาติ แต่โจทก์รับว่าได้ชำระเงินให้แก่นายอภิชาติแล้วจำนวน 20,000 บาท โดยหักภาษีเงินได้ณ ที่จ่ายไว้จำนวน 325 บาท โจทก์จึงขอวางเงินในการฟ้องคดีนี้จำนวน 120,000 บาท โดยขอโอนเงินที่โจทก์วางไว้ในคดีหมายเลขดำที่ 22879/2541 ของศาลแรงงานกลางมาวางในคดีนี้ตามคำร้องโจทก์ฉบับลงวันที่ 25 ธันวาคม 2541ในคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์ยอมปฏิบัติตามคำสั่งจำเลยทั้งสองบางส่วนโดยยอมจ่ายเงินให้นายอภิชาติแล้ว 1 เดือนคงโต้แย้งคำสั่งจำเลยทั้งสองแต่เพียงว่าโจทก์ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้นายอภิชาติ เฉพาะส่วนที่โจทก์ยังไม่ได้จ่ายอีก 120,000 บาท เท่านั้น ซึ่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 125 วรรคหนึ่ง กำหนดให้นายจ้างที่ไม่พอใจคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานนำคดีไปสู่ศาลได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง โดยมาตรา 125 วรรคสามกำหนดให้นายจ้างที่นำคดีไปสู่ศาลต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจึงจะฟ้องคดีได้ส่วนการวางเงินตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจะต้องให้สอดคล้องกับความไม่พอใจคำสั่งดังกล่าวด้วย โดยนายจ้างไม่พอใจหรือโต้แย้งคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเท่าใดก็วางเงินเท่าที่ตนโต้แย้ง ไม่จำต้องวางเต็มจำนวนตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเสมอไป เมื่อโจทก์ไม่พอใจหรือโต้แย้งคำสั่งจำเลยทั้งสองแต่เพียงค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท โจทก์จึงวางเงินเฉพาะจำนวนดังกล่าวได้ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาสั่งคำฟ้องโจทก์ใหม่ตามรูปคดี

Share