คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์เข้าแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าของจำเลยไว้เพื่อตนเองแสดงว่าโจทก์ได้ตั้งเป็นปรปักษ์แก่จำเลยและยึดถือที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่นั้นแล้วการแย่งการครอบครองจะเป็นไปโดยความสงบเปิดเผยหรือไม่ไม่สำคัญสำคัญอยู่ที่ว่ามีเจตนาเป็นเจ้าของเมื่อโจทก์แย่งการครอบครองมาเกินกว่า 1ปีจำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่าโจทก์บุกรุกและยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่พิพาทหาทำให้การครอบครองของโจทก์สะดุดหยุดลงไม่เพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องต่อศาลภายใน 1ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลยศาลยกอายุความครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินมือเปล่า เนื้อที่ 12 ไร่เศษจำเลยยื่นคำร้องขอรังวัดออกโฉนดทับที่พิพาทของโจทก์ โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่า ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่นางเนียม สวยทองโอนขายให้จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ โดยสงบเปิดเผย ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ปลายปี พ.ศ. 2515จำเลยยื่นเรื่องราวขอรังวัดออกโฉนด โจทก์คัดค้านและเข้าแย่งการครอบครองเจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้โจทก์มาฟ้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์แย่งการครอบครองที่พิพาทมาเกิน 1 ปี แล้ว จำเลยขาดสิทธิเอาคืน พิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยเข้าครอบครองโดยซื้อมาจากนางเนียม สวยทอง เมื่อ พ.ศ. 2499 โจทก์เข้าแย่งการครอบครองจากจำเลยเมื่อกลางปี พ.ศ. 2514 วินิจฉัยว่า การแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าซึ่งเป็นของผู้อื่นไว้เพื่อตนเองแสดงว่าโจทก์ได้ตั้งเป็นปรปักษ์แก่จำเลยและยึดถือที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่นั้นแล้ว การแย่งการครอบครองจะเป็นไปโดยความสงบเปิดเผยหรือไม่ จึงไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่ามีเจตนาเป็นเจ้าของและครอบครองมาเกินกว่า 1 ปีแล้ว เมื่อโจทก์แย่งการครอบครองมาเกินกว่า1 ปี จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจในปี พ.ศ. 2514 และยื่นคำร้องเพื่อออกโฉนดที่พิพาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินเมื่อ พ.ศ. 2515 จนเปรียบเทียบแต่ตกลงกันไม่ได้ เจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้โจทก์ไปฟ้องภายใน 60 วันนั้นหาทำให้การครอบครองของโจทก์สะดุดหยุดลงไม่ เพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องต่อศาลภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมได้มาซึ่งการครอบครองตามกฎหมาย

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ศาลยกอายุความครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่บรรยายฟ้องไว้เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายอ้างถึงการครอบครองของโจทก์ อันเป็นสาระสำคัญแห่งที่มาซึ่งสิทธิของโจทก์ โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลย ฉะนั้นจึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นดังจำเลยฎีกา

พิพากษายืน

Share