แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน แต่แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานจับกุมควบคุมตัวผู้เสียหายไปและเตะทำร้ายผู้เสียหายมีบาดเจ็บ มีรอยถลอกและเขียวช้ำบริเวณลิ้นปี่ หน้าท้องนูนขึ้นมา เวลากดบริเวณหน้าท้องเจ็บทั่วๆ ไปรักษาประมาณ 15 วันหายเป็นความผิดตามมาตรา145,310 และ 295
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จับกุมนายอุดมหาว่าพยายามทำร้ายร่างกาย และจำเลยใช้ผ้ามัดข้อมือนายอุดมควบคุมออกจากบริเวณงานฉลองพระพุทธรูปเป็นการหน่วงเหนี่ยวให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย แล้วจำเลยร่วมกันเตะทำร้ายร่างกายนายอุดมถูกลิ้นปี่และหน้าท้องมีรอยถลอกและเขียวช้ำบวม รักษาประมาณ 15 วันหาย ปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามมาตรา 145, 310, 295
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองผิดมาตรา 145, 310, 295 ลงโทษตามมาตรา 310 ซึ่งเป็นบทและกระทงหนักจำคุกคนละ 1 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า นายอุดมมีบาดเจ็บเป็นรอยถลอกและเขียวช้ำบริเวณลิ้นปี่หน้าท้องนูนขึ้นมา เวลากดบริเวณหน้าท้องเจ็บทั่ว ๆ ไป รักษาประมาณ 15 วันหายดังปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ และเชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้เตะทำร้ายร่างกายนายอุดมจริง และเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นลูกจ้างโรงต้มกลั่นสุรา มีหน้าที่เพียงนำเจ้าพนักงานออกตรวจจับสุราเถื่อน ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ประการใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน เมื่อจับกุมคุมตัวนายอุดมไปก็เป็นผิดฐานหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และทำร้ายร่างกายนายอุดมด้วย นั้นชอบด้วยรูปคดีแล้ว พิพากษายืน