คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ โดยตั้งโรงงานประกอบอุตสาหกรรมยาสูบในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยไปซื้อยาเส้นจากชาวไร่ที่บ้านของชาวไร่ในอำเภอท่าศาลาจังหวัดเดียวกัน ยาเส้นดังกล่าวได้รับยกเว้นไม่ต้องปิดแสตมป์ยาสูบเพราะเป็นยาเส้นที่ชาวไร่ผลิตได้ จำเลยกำลังขนย้ายยาเส้นนี้ไปยังสถานที่ประกอบการค้าของตนเพื่อดำเนินการก่อนนำออกขาย ระหว่างทางถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีไว้เพื่อขายซึ่งยาเส้นที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 24 จำเลยจึงไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมียาเส้นไว้เพื่อขาย รวมน้ำหนัก ๘๙๐ กิโลกรัม ซึ่งจะต้องปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายเป็นเงิน ๕๙๐ บาท แต่จำเลยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบดังกล่าวขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.๒๕๐๙ มาตรา ๒๔, ๔๔, ๕๐ พระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๑๒ มาตรา ๑๘ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่า จำเลยมีความผิดเพราะกฎหมายมิได้ให้ความคุ้มครองในการที่จำเลยไปซื้อยาเส้นนอกโรงงาน ถึงแม้จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบโดยตั้งโรงงานประกอบอุตสาหกรรมยาสูบในเขตอำเภอเมือง นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช วันเกิดเหตุจำเลยไปซื้อยาเส้นของกลางจากนายเคล้า เพ็งจันทร์ นายเสรี เวทยาวงศ์ ซึ่งเป็นชาวไร่ที่บ้านนายเคล้า ตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ยาเส้นดังกล่าวได้รับยกเว้นไม่ต้องปิดแสตมป์ยาสูบเพราะเป็นยาเส้นที่ช่าวไร่ผลิตได้ จำเลยกำลังขนย้ายยาเส้นนั้นไปยังสถานที่ประกอบการค้าของจำเลยเพื่อดำเนินการก่อนนำออกขาย ระหว่างทางถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ดังนี้ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยมีไว้เพื่อขายซึ่งยาเส้นที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายที่โจทก์อ้าง จำเลยไม่มีความผิด
พิพากษายืน

Share