คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5701/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

มีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไป วันเกิดเหตุจำเลยเข้ามานั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งจอดอยู่แล้วไขกุญแจรถเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจแสดงตัวจำเลยทิ้งรถวิ่งหนี แสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ การที่จำเลยนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์แล้วไขกุญแจรถเป็นการเข้ายึดถือครอบครองรถจักรยานยนต์ เมื่อจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยผิด ตามมาตรา 357 จำคุก 2 ปี จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2528 มีคนร้ายลักเอารถจักรยานยนต์ของกลางไปปัญหาในชั้นนี้มีว่า จำเลยรับของโจรรถจักรยานยนต์ของกลางดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมาหรือไม่
โจทก์มีพันตำรวจโทบรรจง วรรณดิษฐ์ มาเบิกความว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2528 เวลา 7.55 นาฬิกา ขณะพยานกับพวกซุ่มดักจับคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของกลางอยู่ใกล้กับรถจักรยานยนต์ของกลางซึ่งจอดอยู่ที่บริเวณเมรุวัดบางบำหรุนั้น จำเลยกับพวกอีก 2 คนก็พากันนั่งรถจักรยานยนต์คันหนึ่งเข้ามา จำเลยเดินตรงมานั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ของกลางแล้วไขกุญแจ เมื่อพยานแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยทิ้งรถวิ่งหนีไปทางหน้าวัด พยานกับพวกวิ่งไล่จับจำเลยได้ในขณะนั้นทั้งได้ทำบันทึกการจับกุมหมาย จ.7ไว้ด้วย บันทึกการจับกุมดังกล่าวระบุเหตุการณ์ตรงกับที่พันตำรวจโทบรรจงได้เบิกความไว้ จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกการจับกุมด้วยคำเบิกความของพันตำรวจโทบรรจงดังกล่าวจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อระแวงสงสัยใด ๆ การที่จำเลยทิ้งรถจักรยานยนต์ของกลางแล้ววิ่งหนีเมื่อพันตำรวจโทบรรจงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจนั้นแสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เพราะหากจำเลยไม่รู้เช่นนั้นจำเลยก็ไม่มีเหตุที่จะต้องวิ่งหนีแต่ประการใด การที่จำเลยนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ของกลางแล้วไขกุญแจรถนั้นเป็นการเข้ายึดถือครอบครองรถจักรยานยนต์ของกลางและชี้ให้เห็นว่าจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์แล้ว ข้อนำสืบของจำเลยไม่น่าเชื่อถือ ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนก็ปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพในข้อหารับของโจรรถจักรยานยนต์ของกลาง คดีฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์ของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยในข้อนี้ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 โดยไม่ระบุวรรคนั้นไม่ชัดแจ้งศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขในเรื่องนี้”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคหนึ่ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share