แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แม้ผู้ตายจะโกรธแค้นที่เคยถูกจำเลยผู้เป็นสามีตบตี ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะด่าว่าจำเลยในลักษณะดูถูกเหยียดหยามด้วยถ้อยคำหยาบคายพาดพิงถึงวงศ์สกุลของจำเลยในที่ว่าการอำเภอซึ่งมีคนอื่นได้ยินด้วยย่อมทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289, 371 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 72, 371 โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยเป็นสามีของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน2 คน เมื่อเดือนมีนาคม 2527 ผู้ตายได้ไปหาโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบิดาที่บ้านโจทก์ร่วม ผู้ตายบอกโจทก์ร่วมว่า จำเลยทุบตี ผู้ตายคิดจะหย่ากับจำเลยและผู้ตายขอพักอาศัยกับโจทก์ร่วม ส่วนบุตรคงอยู่กับจำเลย ต่อมาจำเลยได้อ้อนวอนให้ผู้ตายกลับบ้าน ผู้ตายไม่ยอมกลับ ผู้ตายขอหย่ากับจำเลย จำเลยไม่ยอม แต่หลังจากนั้นผู้ตายนัดกับจำเลยให้ไปหย่ากันที่อำเภอสองพี่น้องในวันที่ 10เมษายน 2527 เวลา 10 นาฬิกา ต่อมาผู้ตายกับโจทก์ร่วมและนายปัญญา พันธจิตต์ น้องชายผู้ตายไปพบกับจำเลยที่อำเภอสองพี่น้องตามนัด นายอุดม ชำนาญผล ปลัดอำเภอได้เจรจาไกล่เกลี่ยให้ผู้ตายกับจำเลยคืนดีกัน นายอุดมถามผู้ตายว่ามีปัญหาอะไรกันผู้ตายพูดว่า “อยู่ไม่ได้แล้วละไอ้โคตรนี้เลวทั้งโคตรตบตีเมียทั้งโคตร” จำเลยพูดว่า ผู้ตายทิ้งลูกปล่อยให้ลูกอยู่กับจำเลยตอนกลางคืนลูกร้องหาผู้ตาย ขอให้ผู้ตายกลับไปอยู่กับจำเลย ผู้ตายพูดว่า “ไม่กลับแล้ว ปล่อยให้ลูกน้องเอาผู้หญิงมานอนในบ้าน”นอกจากนี้ผู้ตายด่าจำเลยว่า “มึงเป็นทนายที่เลวที่สุดในจังหวัดสุพรรณ มึงร่วมกับอีดอกนงค์ปลอมสัญญากู้มาหลอกพ่อกู” และว่าจำเลยเป็นหน้าตัวเมีย ไม่ยอมหย่ากับผู้ตาย นายอุดมพูดขอให้ผู้ตายกับจำเลยแยกกันอยู่ไปก่อน แต่ขอให้ผู้ตายรับลูกมาเลี้ยงเพื่อให้โอกาสจำเลยประกอบอาชีพ ผู้ตายพูดว่า “ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้วทนไม่ไหวแล้วพ่อมันไม่ดี” เมื่อจำเลยพูดว่าจำเลยเป็นผู้ชายหย่าไม่ยาก แต่ลูกยังเล็กอยู่ ผู้ตายก็พูดว่า “ลูกกูไม่เอาหรอกโตแล้วมันก็เลวเหมือนมึง เลือดชั่วในตัวมันแยะ เหมือนเลือดโคตรมึงนั่นแหละ” จำเลยมีอาการโกรธ และพูดว่า “หนึ่ง (ชื่อเล่นของผู้ตาย)ทำไมพูดอย่างนั้น เลือดในตัวลูกก็มีเลือดหนึ่งอยู่เหมือนกัน”ผู้ตายพูดขึ้นว่า “มีเลือดกูจริง แต่เลือดกูไม่เลวเหมือนพวกมึง”ผู้ตายได้ด่าว่าจำเลยอีก จำเลยจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย เห็นว่าตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเมื่อผู้ตายได้ด่าว่าจำเลยอย่างหยาบคายและรุนแรงต่อหน้านายอุดมปลัดอำเภอจำเลยได้พบผู้ตายก่อนนั้นแล้ว มีโอกาสที่จะยิงผู้ตายได้แต่จำเลยมิได้กระทำ ทั้งไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นใดที่ส่อแสดงว่าจำเลยได้ตระเตรียมการหรือตั้งใจมาพบผู้ตายเพื่อที่จะฆ่าผู้ตาย ตรงกันข้ามขณะที่นายอุดมเจรจาไกล่เกลี่ยนั้นได้ความว่าจำเลยมีลักษณะโอนอ่อนในการที่จะขอคืนดี โดยให้ผู้ตายกลับไปอยู่กับจำเลยเพื่อเห็นแก่ลูกและเมื่อได้พิเคราะห์โดยตระหนักในเรื่องถ้อยคำที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยแล้ว เห็นว่า ผู้ตายด่าว่าจำเลยในลักษณะดูถูกเหยียดหยามใช้ถ้อยคำที่หยาบคายพาดพิงถึงวงศ์สกุลของจำเลยต่อหน้านายอุดมปลัดอำเภอในที่ว่าการอำเภอซึ่งย่อมมีคนอื่นได้ยินได้ฟังด้วยแต่ผู้ตายจะโกรธแค้นจำเลยที่เคยตบตีผู้ตาย ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะด่าว่าจำเลยในลักษณะเช่นนั้น การกระทำของผู้ตายย่อมทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมากย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงมีเหตุบันดาลโทสะตามกฎหมาย”
พิพากษายืน