แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยจุดไฟเผาที่นอนในห้องของโรงน้ำชาเพราะไม่พอใจหญิงบริการของโรงน้ำชานั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าเมื่อที่นอนถูกเผาไหม้แล้วไฟอาจจะลุกลามไหม้เตียงนอน ฝาผนัง เพดาน จนกระทั่งโรงน้ำชาแห่งนั้นทั้งหมดได้เมื่อได้ความว่าโรงน้ำชานั้นมีคนอยู่อาศัยด้วย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยวางเพลิงเผาโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยวางเพลิงเผาที่นอนของผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาจะเผาโรงเรือน พิพากษากลับ จำเลยมีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๗ ลงโทษจำเลย ๒ ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๘ โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมา โดยคู่ความไม่ฎีกาโต้แย้งว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้ไปเที่ยวที่โรงน้ำชาของผู้เสียหาย แล้วจุดไฟเผาที่นอนในห้องเลขที่ ๒๐ ซึ่งอยู่ชั้นที่สอง แต่พนักงานของผู้เสียหายช่วยกันดับไว้ได้ทัน คดีคงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๘ หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยจุดไฟเผาที่นอนแม้จะฟังว่าจำเลยกระทำไปเนื่องจากไม่พอใจหญิงบริการของโรงน้ำชาผู้เสียหายดังที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาก็ตาม แต่จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าเมื่อที่นอนถูกเผาไหม้แล้วไฟอาจจะลุกลามไหม้เตียงนอน ฝาผนัง เพดาน กระทั่งโรงน้ำชาแห่งนั้นทั้งหมดได้ เมื่อคดีได้ความจากคำเบิกความของนายชัยยงค์ ตั้งติรวัฒน์ กรรมการบริษัท ผู้เสียหายว่าโรงน้ำชาของผู้เสียหายเป็นตึกแถว ๔ ชั้น ๓ คูหา มีคนอยู่อาศัย เช่นนี้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยดังฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๘ (๑) ลดโทษให้หนึ่งในสี่แล้วคงจำคุก ๓ ปี ๙ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์