แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 และทนายมิได้แก้อุทธรณ์หรือยื่นคำร้องหรือได้กระทำการใด ๆ ต่อศาลอันจะถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ถูกต้องศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้เงินกู้จำนวน1,783,130 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองเป็นประกันออกขายทอดตลาด
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าไม่เคยมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 นำที่ดินตามฟ้องไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการกู้ยืมเงินของจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
จำเลยที่ 2 ไม่แก้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์5,000 บาท แทนจำเลยที่ 2
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 มิได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันการกู้ยืมเงินของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด
อนึ่ง จำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 2 มิได้แก้อุทธรณ์หรือยื่นคำร้องหรือได้กระทำการใด ๆ ต่อศาลอันจะถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ถูกต้อง
พิพากษายืน แต่โจทก์ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลยที่ 2 ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 5,000 บาทแทนจำเลยที่ 2.