คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีปล้นโดยมีอาวุธ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคหนึ่งให้จำคุก15 ปีนั้น. เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์. แม้ศาลอุทธรณ์จะแก้เป็นลงโทษจำคุกเพียง 10 ปี ตามมาตรา 340 วรรคหนึ่ง. ก็เป็นการแก้โทษให้ตรงกับบทเท่านั้น. โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรคสองมิได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกที่ยังจับไม่ได้อีก1 คน มีปืนและไม้เป็นอาวุธปล้นทรัพย์รวมราคม 8,130 บาท ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย และจำเลยที่ 3 ฐานรับของโจรคือเครื่องรับวิทยุทรานซิสเตอร์ 1 เครื่อง ราคา 600 บาท ซึ่งถูกปล้นไปครั้งนี้ตามมาตรา 357 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 340 วรรค 1ให้จำคุก 15 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 10 ปีให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 3,310 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยที่ 3มีความผิดตามมาตรา 357 ให้จำคุก 1 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 เป็นจำคุก 6 เดือน ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เชื่อว่ากรณีความผิดของจำเลยที่ 1 เป็นการปล้นโดยมีอาวุธ จะต้องปรับบทเป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรค 2 ซึ่งมีระวางโทษตั้งแต่ 10 ปี ถึง 15 ปี โจทก์ก็ประสงค์จะให้ลงโทษเช่นนั้นแต่ศาลชั้นต้นกลับไปปรับบทเป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรค 1ซึ่งเป็นเรื่องปล้นไม่มีอาวุธมีระวางโทษต่ำกว่า คือ จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี เท่านั้น เห็นได้ว่าเป็นความเผลอเรอของศาลชั้นต้น โจทก์มิได้อุทธรณ์ ทั้งศาลชั้นต้นมิได้แก้ไขถ้อยคำที่ผิดพลาดในคำพิพากษาที่อ่านแล้ว ต้องถือว่าที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำคุก 15 ปีนั้น เกินกว่าบทที่ยกขึ้นปรับเป็นการไม่ชอบ พิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 สิบปี ลดโทษหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นทุกประการ โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์โดยปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 หรืออนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงตามฟ้อง ส่วนฎีกาที่ขอให้กำหนดโทษจำเลยที่ 1 เสียใหม่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทผิดมิได้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรค 2แต่ได้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรค 1 โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมิได้แก้ในเรื่องบทที่ใช้บังคับในการลงโทษแก่จำเลยแต่ประการใดที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกจำเลยจาก 15 ปี เหลือ 10 ปี จึงเป็นการแก้โทษของจำเลยให้ตรงกับบทคือมาตรา 340 วรรค 1 เท่านั้นโจทก์จึงฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามบทที่ถูกต้องมิได้ พิพากษายืน.

Share